“เวสเทิร์น เดคอร์ คอร์ปอเรชั่น” หรือ WDC ผู้นำเข้าวัสดุตกแต่งบ้าน ทั้งกระเบื้องปูพื้นและผนัง รวมทั้งสุขภัณฑ์ระดับพรีเมี่ยม สวนกระแสตลาดทุ่มงบกว่า 15 ล้านบาท เปิดโชว์รูมแห่งใหม่สาขา “พัทยา” ตอบโจทย์ตลาดอสังหาฯ และกลุ่มลูกค้าในระดับกลางถึงระดับบน ยกทัพสินค้ามาหลากหลาย ทั้งกลุ่มกระเบื้อง (Tile) , วัสดุทดแทนกระเบื้อง (Non-Tile) และสุขภัณฑ์ (Sanitary Ware) ภายใต้คอนเซป “The Best Customer Experience” ที่มุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า (Customers Experience) โดยเน้นทั้งความหลากหลายของสินค้า ที่สามารถตอบโจทย์ของลูกค้าได้หลายรูปแบบ ทั้งในแง่ดีไซน์ ความสวยงาม ขนาดการใช้งาน และพื้นที่ใช้สอย และยังสามารถให้บริการแบบครบวงจรหรือที่เรียกว่า “One Stop Service” โดยในปี 63 ทาง WDC หวังสร้างยอดขายเติบโตขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง
นายบัณฑิต หิรัญญนิธิวัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เวสเทิร์น เดคอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ WDC เปิดเผยว่า ในปีนี้ บริษัทฯ ก้าวเข้าสู่ปีที่ 16 ในฐานะผู้นำเข้าวัสดุตกแต่งบ้าน ทั้งกระเบื้องปูพื้นและผนัง รวมทั้งสุขภัณฑ์ ที่สวยงาม ทันสมัย และมีความโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ และเนื่องจากบริษัทฯ เป็นผู้ที่มีความรู้ ความชำนาญในธุรกิจวัสดุตกแต่งมากว่า 16 ปี และประกอบกับบริษัทฯ มีความเข้าใจความต้องการลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ส่งผลให้สามารถสร้างความแตกต่างในด้านผลิตภัณฑ์ (Product Differentiate) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น ลวดลายของสินค้าที่โดดเด่นแตกต่างและมีเอกลักษณ์ (Unique Design) ความสวยงามของสินค้า (Beauty) และความทันสมัยของสินค้า (Trendy) ที่เข้ากับยุคสมัยรวมไปถึงเทรนด์ตลาดและเทรนด์โลก นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจำหน่ายสินค้าหลากหลายวัสดุ และหลากหลายราคา เพื่อที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ทุกรูปแบบ โดย WDC ได้นำเข้าสินค้าโดยตรงจากหลายประเทศทั้งจากยุโรปและเอเชีย
และเพื่อขยายตลาดให้มากขึ้น บริษัทฯ จึงได้ทุ่มงบกว่า 15 ล้านบาท เปิด “WDC โชว์รูม สาขาพัทยา” ซึ่งโชว์รูมแห่งนี้จะแบ่งตามโซนสินค้าใหญ่ๆ ได้ 3 โซน ได้แก่ โซนกระเบื้อง (Tile) , โซนวัสดุทดแทนกระเบื้อง (Non-Tile) โซนสุขภัณฑ์ (Sanitary Ware) ด้วย Concept “The Best Customer Experience” ที่ไม่เพียงแต่ช่วยให้ลูกค้าได้เกิด Idea และต่อยอดการตกแต่งบ้านหรือการเลือกวัสดุที่มีคุณภาพ คุ้มค่า คุ้มราคา แต่ยังช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีของลูกค้า ที่มีต่อสินค้าอีกด้วย โดยที่ WDC เน้นความหลากหลายของสินค้า (Product Variety) ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้หลากหลาย ทั้งในแง่ดีไซน์ ความสวยงาม ขนาดการใช้งาน พื้นที่ใช้งาน และงบประมาณ นอกจากนี้ WDC ยังสามารถให้บริการแบบครบวงจรหรือที่เรียกว่า “One Stop Service” ที่ไม่เพียงแต่มีแต่สินค้าที่ตอบโจทย์เท่านั้น แต่มีบริการที่เรียกว่า “Decorative Material Consultant” โดยทีมขายของ WDC ที่มีความรู้ในเรื่องของวัสดุตกแต่ง เป็นอย่างดี สามารถให้คำปรึกษา แนะนำสินค้าต่างๆ ให้ตรงกับความต้องการ งบประมาณ และการใช้งานของลูกค้าได้อย่างตรงจุด และมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบัน WDC มีกลุ่มสินค้าแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ 1.กลุ่มสินค้ากระเบื้อง (Tile) ซึ่งมีทั้งเซรามิก และ Porcelain 2. กลุ่มสินค้าวัสดุทดแทนกระเบื้อง (Non-Tile) ได้แก่ Vinyl, SPC, ไม้ Laminate และ Engineering Wood 3. กลุ่มสินค้า Mosaic ซึ่งมีทั้ง Porcelain และ Glass Mosaic 4. กลุ่มสินค้า Big Slab คือกระเบื้องแผ่นใหญ่ ได้แก่ Marble Tile, Quartz Stone และ 5. กลุ่มสุขภัณฑ์ (Sanitary Ware) ซึ่งมีทั้งก๊อกน้ำ อ่างอาบน้ำ ฝักบัว โถสุขภัณฑ์ ซึ่งสินค้าที่ขายดีในกลุ่มกระเบื้อง (Tile) จะเป็นพวกสี Monochrome ซึ่งเป็นโทนสีเทา (ทั้งอ่อน และ เข้ม) และโทนสีขาว ที่ตอบโจทย์สไตล์บ้านที่กำลังเป็นที่นิยม ทั้งสไตล์ Modern และ Contemporary ส่วนสินค้าขายดีในกลุ่มวัสดุทดแทนไม้ (Non-Tile) จะพวกสีโทนเย็น เช่น สีน้ำตาลอ่อน น้ำตาลเทา ที่ให้ความรู้สึก Modern แต่เย็นตา
ตอนนี้ WDC มี Showroom ทั้งหมด 6 สาขา ได้แก่ Crystal Design Center (CDC), นิมิตใหม่, หาดใหญ่, เชียงใหม่, ภูเก็ต และพัทยา และมีแผนที่จะเปิดสาขาที่ 7 เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าในโซนบางนา ตั้งอยู่ที่โครงการ For You Park และจะเปิดตัวในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2563
นายบัณฑิต กล่าวต่อไปอีกว่า ที่ WDC เราใช้แนวทางการดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก (Customer Centric) มีความเข้าใจความต้องการลูกค้าอย่างลึกซึ้ง เราจึงสามารถสร้างความแตกต่างในด้านผลิตภัณฑ์ (Product Differentiate) โดยพัฒนาวัสดุตกแต่งบ้าน ทั้งกระเบื้องพื้นและผนัง (Floor & Wall Tile) วัสดุทดแทนกระเบื้อง (Non-Tile) และสุขภัณฑ์ (Sanitary Ware) ให้มีความหลากหลายทั้งวัสดุ ดีไซน์ ขนาด และเฉดสี เพื่อตอบโจทย์ทุกสไตล์บ้านและทุกความชอบของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับความรู้และความชำนาญในการทำธุรกิจวัสดุตกแต่ง ที่มีมากว่า 15 ปี ทำให้ WDC สามารถให้บริการลูกค้าได้แบบครบจบในที่เดียวหรือที่เรียกว่า “One Stop Service” ทั้งสินค้าและบริการตลอดการขายจนถึงบริการหลังการขาย
“”WDC ไม่เพียงแต่เพิ่มศักยภาพในการลงทุนในประเทศเท่านั้น แต่ยังเล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายธุรกิจและเติบโตในประเทศกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia) จึงเริ่มต้นขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เพื่อต่อยอดธุรกิจปัจจุบัน และเพิ่มโอกาสในการเติบโตระยะยาว โดยการเปิด Branch Office ในประเทศอินโดนิเซีย ประเทศเวียดนาม และประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งประเทศเหล่านี้มีศักยภาพในการเติบโตเป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้นำความรู้เชิงทฤษฎีและเชิงปฏิบัติการ (Knowledge and Know-How) ทักษะ (Skills) และความชำนาญ (Competence) ที่มีมากว่า 15 ปีทั้งในด้านการบริหารจัดการ (Management) กระบวนการ Supply Chain และ Operation Processes ในธุรกิจวัสดุตกแต่งไปใช้เป็นรูปแบบในการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศอีกด้วย” นายบัณฑิต กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับสถาปนิก นักออกแบบอิสระ หรือ ดีไซเนอร์ในบริษัทต่างๆ ตลอดจนผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายใหญ่รายเล็ก และผู้บริโภคทั่วไปที่กำลังหาข้อมูลวัสดุตกแต่งพื้นและผนัง หรือเริ่มสนใจการออกแบบตกแต่งบ้านด้วยตนเอง สามารถเข้าชมเว็ปไซด์ของบริษัท www.wdc.co.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร. 02-679-8885-7 หรือไปเยี่ยมชมและสร้างประสบการณ์ที่ดีได้ที่ WDC โชว์รูมทั้ง 6 สาขา
More Stories
ชาเมียร์ จับมือ THE NEXT เปิดตัวเลนส์แว่นตาอัจฉริยะ SHAMIR DRIVER INTELLIGENCE™ นวัตกรรมใหม่ในวงการแว่นตา
น้ำมันพืช ตราเกสร จุดประกายความอร่อยแบบรักษ์โลก เจ้าแรกของน้ำมันพืชใช้ขวด rPET ยึดหลักแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน
SCGC ทุ่ม 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ลงทุนใน LSP คอมเพล็กซ์ เวียดนาม