![](http://thainewsbiz.com/wp-content/uploads/2020/09/1599698041699-1024x682.jpg)
สสว. เดินหน้าสานต่อโครงการสนับสนุนเครือข่าย SME เป็นปีที่ 3 เผยผลงานปี 2563 ร่วมมือ 7 หน่วยงาน สร้าง 30 คลัสเตอร์ที่เข้มแข็ง พัฒนา SME 4,246 ราย สร้างรายได้เพิ่ม 472 ล้านบาท
![](http://thainewsbiz.com/wp-content/uploads/2020/09/1599697835383-1024x682.jpg)
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า หนึ่งในแนวทางการพัฒนาผู้ประกอบการที่สำคัญของ สสว. คือ ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรวมกลุ่มกันเป็นคลัสเตอร์ ซึ่งจะเป็นการรวมกลุ่มผู้ประกอบการในธุรกิจเดียวกันตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เพื่อเพิ่มกำลังให้เกิดอำนาจทางการต่อรองมากขึ้น และยังก่อให้เกิดการสร้างองค์ความรู้ที่จะช่วยการพัฒนาด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมให้กับ SME พร้อมต่อยอดทางการเงิน และการตลาดต่อไปในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับแนวการดำเนินงานหลักของ สสว. Connext กล่าวคือ การเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งทุน การลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงการส่งเสริมและขยายช่องทางทางการตลาด
![](http://thainewsbiz.com/wp-content/uploads/2020/09/20200910_074136-1024x711.jpg)
“SME ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายเล็ก จึงแข่งขันผู้ประกอบการรายใหญ่ได้ยาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรวมกลุ่มกันเพื่อให้เกิดความแข็งแกร่งในการแข่งขัน รวมทั้งยังเป็นช่องทางในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และ องค์ความรู้ ให้สามารถนำจุดแข็งของแต่ละรายมาร่วมกันพัฒนาสินค้าให้มีความโดดเด่นทั้งในเรื่องรูปแบบ นวัตกรรมและการบริการ ซึ่งจะเป็นการยกระดับผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่ามากขึ้น โดยที่ผ่านมา สสว. ได้เป็นหน่วยงานกลางระหว่างภาครัฐ และเอกชน ในการดึงศักยภาพของทุกฝ่าย เข้ามาพัฒนาเอสเอ็มอีให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด” ผอ.สสว. กล่าว
![](http://thainewsbiz.com/wp-content/uploads/2020/09/1599698044586-1024x682.jpg)
สำหรับโครงการสนับสนุนเครือข่าย SME นี้ สสว. ได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ซึ่งการรวมกลุ่ม หรือการสร้างเครือข่ายในรูปแบบคลัสเตอร์ เน้นการกระตุ้นความเชื่อมโยงกันระหว่างผู้ประกอบการ โดยคำนึงถึงความต้องการของตลาด ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ การพัฒนาผู้ประกอบการในเครือข่ายให้มีศักยภาพ ในการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ รวมถึงการพัฒนาช่องทางการตลาดในเชิงรุกผ่านการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การแสดงสินค้าและการเจรจาธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ และสร้างการรับรู้ถึงผลิตภัณฑ์ของไทยให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศได้รู้จักมากขึ้น
![](http://thainewsbiz.com/wp-content/uploads/2020/09/1599698083182-1024x682.jpg)
ทั้งนี้ ในปี 2563 สสว. ได้ดำเนินการร่วมกับหน่วยร่วมดำเนินการ 7 หน่วยงาน ดังนี้ 1. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมคลธัญบุรี ดำเนินการกิจกรรมพัฒนาคลัสเตอร์เทคโนโลยีเพื่อการเกษตร 2. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ดำเนินกิจกรรมพัฒนาคลัสเตอร์ปลากัด 3. มหาวิทยาลัยวิทยาลัยนเรศวร
![](http://thainewsbiz.com/wp-content/uploads/2020/09/1599698055138-1024x682.jpg)
ดำเนินกิจกรรมพัฒนาคลัสเตอร์ Health Retreatment 4. สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ดำเนินกิจกรรมพัฒนาคลัสเตอร์ไม้ดอกไม้ประดับ 5. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดำเนินกิจกรรมพัฒนา คลัสเตอร์ Sport Economy 6. สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ดำเนินกิจกรรมพัฒนาคลัสเตอร์ BCG Fashion Lifestyle และ 7. สถาบันอาหาร ดำเนินกิจกรรมพัฒนาคลัสเตอร์มะพร้าว สับปะรด และกระเทียม
![](http://thainewsbiz.com/wp-content/uploads/2020/09/1599698076444-1024x682.jpg)
ด้านผลสำเร็จในการดำเนินโครงการในปี 2563 คือ สามารถสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการที่ได้รับ การพัฒนาและเชื่อมโยงในรูปแบบคลัสเตอร์ จำนวน 30 คลัสเตอร์ มีผู้ประกอบการที่ได้รับการพัฒนาองค์ความรู้ในการดำเนินธุรกิจแบบคลัสเตอร์ 4,246 ราย และสามารถลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ หรือมีการขยายตัว ทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 472.12 ล้านบาท
นายวีระพงศ์ กล่าวว่า โครงการนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยสร้างคลัสเตอร์ใหม่ๆ ขึ้นมาได้เท่านั้น แต่คลัสเตอร์ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ยังสามารถผลักดันและต่อยอดการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น คลัสเตอร์ปลากัด ได้สนับสนุนให้เกิดการจัดตั้งสมาคมปลากัดแห่งประเทศไทย ผลักดันให้มีการจัดทำมาตรฐานปลากัดและจัดประกวดปลากัดสวยงาม ทำให้มีการยกระดับมูลค่าของปลากัดทั้งในเชิงราคาในท้องตลาด และการส่งออก พร้อมทั้งได้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประเทศไทยเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลากัด โดยตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็น Hub การส่งออกปลากัด ในฐานะปลาสวยงามไปทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศจีน อินเดีย และเยอรมนี
![](http://thainewsbiz.com/wp-content/uploads/2020/09/1599698079952-1024x682.jpg)
ส่วนคลัสเตอร์คอสเพลย์ (Cosplay) ได้จัดตั้งสมาคมอุตสาหกรรมคอสเพลย์ไทย ในการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับคอสเพลย์ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เพื่อผลักดันให้คอสเพลย์ไทยไปสู่มาตรฐานระดับโลก นอกจากนี้ ยังได้ส่งเสริมผู้ประกอบการภาคเกษตรในการนำเทคโนโลยีขั้นต้นมาต่อยอด พัฒนา ขึ้นเป็นถุงตากแห้งข้าว ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ในการอบข้าวเปลือกให้ได้ความชื้นตามมาตรฐาน โดยมีจุดเด่น คือสามารถเคลื่อนย้ายได้ ช่วยประหยัดเวลาการเก็บข้าว สามารถลดระยะเวลาในการตากแห้งข้าวเปลือกได้ จากเดิม 5 วัน เหลือเพียง 3 วัน และสามารถลดต้นทุนค่าแรงลงได้กว่า 40 % การดำเนินงานดังกล่าวนับเป็นเพียงตัวอย่างความสำเร็จของการรวมตัวกันเป็นคลัสเตอร์ ในการสร้างพลัง ต่อยอดองค์ความรู้ และเพิ่มมูลค่าให้กับ กลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างยั่งยืนต่อไป
![](http://thainewsbiz.com/wp-content/uploads/2020/09/1599698093109-1024x683.jpg)
![](http://thainewsbiz.com/wp-content/uploads/2020/09/1599698058082-1024x682.jpg)
More Stories
Supersports ฉลองครบรอบ 27 ปี เปิดตัวแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ “Supersports Super Game 27th Anniversary” ชูความสำเร็จพร้อมเดินหน้าร่วมสร้างสังคมไทยให้สุขภาพดี
WHA ร่วมกับเอสซีจี ยกระดับมาตรฐานคลังและศูนย์กระจายสินค้าอาคารแรกในเครือ WHA Group ด้วยมาตรฐานอาคารเขียว LEED เวอร์ชั่นล่าสุดในระดับ Gold
สกัดแนวคิด “เหตุผลที่เรามารวมกัน” ตลอดเส้นทางกว่า 100 ปีของเอสซีจี