เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 29 ก.ค. 2568 ที่อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วย ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ ประธานสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และ ศ.เกียรติคุณ นพ.รณชัย คงสกนธ์ เลขาธิการสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ ร่วมแถลงข่าวพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกันในการดำเนินการพัฒนาครอบครัวไทยไร้บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า

นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า สถาบันครอบครัวต้องเผชิญกับปัญหาความรุนแรงในครอบครัวในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหายาเสพติดประเภทใหม่ ๆ ได้แก่ ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งมาในหลากหลายรูปแบบ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในทุกระดับ อันส่งผลกระทบต่อสมาชิกในครอบครัวทุกช่วงวัย เนื่องด้วยปัญหาบุหรี่ไฟฟ้ามีส่งผลกระทบต่อทั้งเด็ก เยาวชน และบุคคลในครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ซึ่งมีพันธกิจที่สำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพคนและสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว จึงเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว และเห็นความสำคัญขององค์กรเครือข่ายในการร่วมดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า จึงร่วมกับสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่จัดทำบันทึกความเข้าใจร่วมกันในการดำเนินการพัฒนาครอบครัวไทยไร้บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า และขอเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรภาคเอกชน และประชาชนทุกเพศ ทุกวัย ร่วมแสดงพลังทำให้พื้นที่ครอบครัวของตนเองกลายเป็นพื้นที่บ้านปลอดภัย ปราศจากบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าว

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงสมศรี เผ่าสวัสดิ์ ประธานสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายรูปแบบใหม่จากการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าและนิโคตินรูปแบบต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกซึ่งมุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชนโดยตรง สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนรุ่นใหม่อย่างรุนแรง และหากไม่เร่งดำเนินการอย่างจริงจัง อาจกลายเป็นวิกฤตสุขภาพในอนาคตอันใกล้ “บทบาทของสมาพันธ์ฯ จึงมีความสำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนงานป้องกันการเริ่มต้นสูบบุหรี่ในเด็กและเยาวชน โดยอาศัยกลยุทธ์หลากหลาย ทั้งการให้ความรู้ในสถานศึกษา การสร้างค่านิยมปลอดบุหรี่ในสังคม การเสริมพลังให้ครอบครัว ชุมชน และสถานบริการสุขภาพ ตลอดจนการสื่อสารเชิงรุก เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงพิษภัยของยาสูบในทุกมิติ” ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี กล่าว

นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กล่าวว่า สถานการณ์ครอบครัวไทยในปี 2567 ประเภทของครอบครัวไทยส่วนใหญ่เป็นประเภทครอบครัวเดี่ยว และมีจำนวนการจดทะเบียนสมรสลดลงอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับการจดทะเบียนหย่า ซึ่งมีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้น โดยการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และด้านอื่น ๆ เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อครอบครัวไทย ด้วยปัญหาความรุนแรงจากยาเสพติดในรูปแบบใหม่ บุหรี่ไฟฟ้า ที่ส่งผลกระทบต่อครอบครัวไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เห็นว่า การป้องกันและแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าต้องเริ่มต้นที่การสร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบันครอบครัว โดยมีการขับเคลื่อนกลไกการดำเนินงานด้านครอบครัวทั้งในระดับประเทศ ระดับจังหวัด และในระดับพื้นที่ รวมทั้งได้ร่วมกับกลไกภาคีเครือข่ายทั้งในการส่งเสริมสถาบันครอบครัวให้มีความเข้มแข็ง โดยเฉพาะการร่วมมือกับสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ในการขับเคลื่อนการพัฒนาครอบครัวไทยให้ไร้บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า การดำเนินการเสริมสร้างสถาบันครอบครัวของกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เป็นไปเพื่อมุ่งจุดมุ่งหมายสูงสุด คือ “ครอบครัวอบอุ่น สังคมเป็นสุข ปราศจากความรุนแรง” อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กล่าว

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์รณชัย คงสกนธ์ เลขาธิการสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดพบว่า ร้อยละ 23.7 ของครัวเรือนไทยยังคงมีการสูบบุหรี่ภายในบ้าน ส่งผลให้เด็กและเยาวชนไทยอย่างน้อยกว่า 5 ล้านคนได้รับควันบุหรี่มือสองในบ้าน ซึ่งไม่เพียงเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ยังเป็นการสร้าง “ภาพจำ” และ “แบบอย่าง” ของพฤติกรรมการสูบโดยไม่รู้ตัว เปิดโอกาสให้เด็กเลียนแบบ และเพิ่มความเสี่ยงในการก้าวเข้าสู่การใช้สารเสพติดในอนาคต
“การสูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้าในบ้าน ไม่ใช่แค่ปัญหาสุขภาพ แต่คือ ‘ความรุนแรงในครอบครัว’ เพราะสมาชิกในบ้าน มีโอกาสได้รับผลกระทบจากควันบุหรี่มือสอง ซึ่งส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ การพัฒนาสมอง และสุขภาพในระยะยาว”


ด้วยเหตุนี้ สมาพันธ์เครือข่าย ฯ จึงผลักดันแนวคิด “No E-cig Home: บ้านปลอดภัย ครอบครัวปลอดบุหรี่ไฟฟ้า” ให้เป็นกลไกหลักในการสร้างสภาพแวดล้อมปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในระดับครอบครัว โดยเน้นการมีส่วนร่วมของพ่อแม่ ผู้ปกครอง และทุกคนในบ้าน เพื่อเป็นเกราะป้องกันด่านแรกในการดูแลสุขภาพกายและใจของคนไทย


แนวคิดนี้ไม่เพียงเน้นการสร้าง “ครอบครัวไร้บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า” แต่ยังรวมถึงการพูดคุยให้ความรู้กับลูกหลาน การสร้างบรรยากาศแห่งความเข้าใจและความปลอดภัยทางจิตใจ และการเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้ใหญ่ในบ้าน เพราะ “บ้านที่ปลอดภัย ไม่ใช่เพียงบ้านที่ไร้ควันบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า แต่เต็มไปด้วยความรัก ความเข้าใจ และความอบอุ่นของทุกคนในครอบครัว”ศ.นพ.รณชัย กล่าว
More Stories
พม.พบแล้วดาวเด่นจากเวที “Street to Star” คว้ารางวัลใหญ่ พร้อมถ้วยรางวัล
กาญจนบุรีเปิดงานใหญ่ Yard OTOP Sale “กาญจน์ชิลล์ดี กรีนมาร์เก็ต ๒๕๖๘” ยกระดับเศรษฐกิจชุมชน สร้างสรรค์ตลาดใหม่ ขับเคลื่อนสู่อนาคตยั่งยืน
การประกวด Mister Cosmopolitan 2025 ยิ่งใหญ่ อลังการจัดยิ่งใหญ่ในประเทศไทย ตัวแทนจากไต้หวัน คว้าตำแหน่งชนะเลิศ ภายใต้สโลแกน “สุภาพบุรุษหัวใจพิสุทธิ์”