
- เปิดบ้าน “The Empire Residence” พื้นที่ Co-Living ที่ไม่เหมือนที่ไหนในอุตสาหกรรมอาคารสำนักงาน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตทั้งการทำงานและการพักผ่อนที่ลงตัว สู่นิยามใหม่ของการบูรณาการองค์ประกอบของการใช้ชีวิต รูปแบบใหม่รวมประสบการณ์บ้าน โรงแรม ออฟฟิศ และร้านต่างๆ “Live, Play, Share, Work” มาไว้ในที่เดียว
- อาคารสำนักงานแห่งแรกที่นำเสนอรูปแบบการทำงานอันเป็นเอกลักษณ์รองรับเทรนด์อนาคตสำหรับองค์กรระดับโลกด้วยพื้นที่เพื่อไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ล็อบบี้เลานจ์ Co-Living Space ทั้งชั้น G, M, 10, 11, 53 ต่อเนื่องไปจนถึงรูฟทอปชั้น 55-60 ผสานประสบการณ์ไลฟ์สไตล์บนพื้นที่ฟรีสเปชกว่า 3,200 ตร.ม. และพื้นที่ไลฟ์สไตล์อื่นๆ อีกกว่า 36,000 ตร.ม. เชื่อมการใช้ชีวิตดิจิตอลต่อเนื่องอย่างครบครัน

กรุงเทพฯ 18 ธันวาคม 2566 – บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดประสบการณ์ “Co-Living Collective: Empower Future” ยกระดับอุตสาหกรรมอาคารสำนักงานรูปแบบใหม่ให้เป็นไลฟ์สไตล์ออฟฟิศที่ลงตัวกับนิยามการทำงานแบบบูรณาการการทำงานและการใช้ชีวิต (Work-Life Integration) ยุคใหม่ “เปิดตัว “The Empire Residence” บนชั้น 53 ของอาคาร “เอ็มไพร์” ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายให้พนักงานของทุกองค์กรในอาคาร ผ่านพื้นที่ Co-Living Space ที่ไม่เหมือนที่ไหนในอุตสาหกรรมอาคารสำนักงาน สร้างพื้นที่แบ่งปันความรู้และมอบโอกาสใหม่ให้กับธุรกิจอย่างไม่รู้จบ พร้อมเปิดพื้นที่ไลฟ์สไตล์อีกมากมายตั้งแต่ “Cafe Pittore” คาเฟ่แบบล็อบบี้เลานจ์ชั้น G ถึง “EA Rooftop at The Empire” บนรูฟทอปชั้น 55-60 พร้อมเตรียมรีโนเวทพื้นที่ชั้น 10 และ 11 เป็นฟู๊ดเลานจ์และห้องประชุม รวมพื้นที่เพื่อไลฟ์สไตล์กว่า 39,000 ตร.ม. เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอาคารสำนักงาน รองรับเทรนด์การทำงานในอนาคตสำหรับบริษัทชั้นนำ พร้อมส่งเสริมให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นจุดหมายขององค์กรและพนักงานจากทั่วโลก (Workplace Destination)

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า “วันนี้ถือเป็นมิติใหม่ของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในการรวมประสบการณ์บ้าน-โรงแรม-อาคารสำนักงาน เข้าเป็นรูปแบบ Co-Living Collective: Empower Future ในการเพิ่มพลังการใช้ชีวิตและการทำงาน และเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ประเทศไทยตอบโจทย์ Workplace Destination โดย AWC เปิดมาตรฐานใหม่ ‘The Empire Residence’ พื้นที่บ้านให้กับทุกคนในอาคาร ‘เอ็มไพร์’ ได้ชื่อมต่อประสบการณ์การทำงานและการใช้ชีวิตในหลากหลายไลฟ์สไตล์อย่างครบครัน โดยการสร้างล็อบบี้เลานจ์ พื้นที่ใหม่เพื่อการพบปะสังสรรค์ตั้งแต่ ‘Cafe Pittore’ ร้านคาเฟ่ชั้นล็อบบี้ที่ให้บริการระดับโรงแรมหรู เปิดบริการอาหารและเครื่องดื่มถึงเที่ยงคืน และเปิดพื้นที่นั่งพักและพบปะกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไปจนถึง ‘EA Rooftop at The Empire’ จุดหมายปลายทางด้านอาหารและเครื่องดื่มบนรูฟทอปที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยทั้งหมดนี้เป็นไปตามแนวคิด ‘Co-Living Collective: Empower Future’ ของอาคาร “เอ็มไพร์” ที่สร้างสรรค์เพื่อรองรับเทรนด์อนาคตในการผสมผสานการทำงานและการใช้ชีวิตเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ ให้ผู้เช่าสามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกร่วมกันภายในอาคาร เพิ่มพื้นที่ทำงานที่สร้างความสุข ซึ่งจะช่วยเชื่อมต่อองค์กร ผู้คน และชุมชน เข้าด้วยกัน สู่การเป็นอีโคซิสเต็มแห่งการเรียนรู้และแบ่งปัน เพื่อการใช้พื้นที่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน หรือ Sustainable Living รวมถึงช่วยเพิ่มโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจได้อย่างไร้ขีดจำกัด ตอบโจทย์ความต้องการทั้งในปัจจุบันและอนาคตขององค์กรชั้นนำระดับโลกที่กำลังมองหาออฟฟิศยุคใหม่ใจกลางย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ และสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางขององค์กรและพนักงานจากทั่วโลก”

“The Empire Residence” ตั้งอยู่บนชั้น 53 ของอาคาร “เอ็มไพร์” ด้วยพื้นที่แบบ Co-Living กว่า 1,500 ตร.ม. ที่มีขนาดใหญ่และไม่เหมือนที่ไหนในอุตสาหกรรมอาคารสำนักงานในประเทศไทย พร้อมด้วยวิวอันงดงามของกรุงเทพฯ จากมุมสูง ที่เปิดโอกาสให้ผู้เช่าทุกรายสามารถเข้าถึงพื้นที่สร้างสรรค์แห่งนี้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ในการบูรณาการชีวิตและการทำงานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกอันทันสมัยผ่าน 4 องค์ประกอบของการใช้ชีวิตมาไว้ในที่เดียว ประกอบไปด้วย

- Live – “Ploen Room” พื้นที่เอนกประสงค์สำหรับทุกคนที่ออกแบบมาเพื่อรองรับกิจกรรมต่างๆ ทั้งการแสดงสินค้า โรงภาพยนตร์ขนาดเล็ก และห้องซ้อมเต้น รวมถึง “Eatery Bar” พื้นที่รับประทานอาหารพร้อมห้องครัวส่วนกลาง ที่ทุกคนสามารถมารวมตัวเพื่อแบ่งปันช่วงเวลาดีๆ ร่วมกัน “Drink Bar” เติมเต็มชั่วโมงแห่งความสุขหลังเลิกงานพร้อมด้วยวิวคุ้งน้ำบางกระเจ้ายามเย็น และ “Live Lounge” พื้นที่เลานจ์สังสรรค์ในบรรยากาศห้องนั่งเล่นสำหรับการพักผ่อน
- Play – “Karaoke Room” บอกลาความเหนื่อยล้าและผ่อนคลายไปกับเสียงดนตรีที่ห้องคาราโอเกะ รวมถึง “Game Room” พื้นที่แห่งความสนุกสนานและความบันเทิงกับเครื่องเล่นวิดีโอเกม และกิจกรรมสันทนาการที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลินไปด้วยกันกับเพื่อนร่วมงาน “Kids’ Room” พื้นที่ความสนุกสำหรับคุณหนูๆ และครอบครัว ที่ผู้ปกครองสามารถให้ลูกๆ มาพักผ่อนนั่งรอหลังเลิกเรียนได้อย่างไร้กังวล “Own Time” ห้องโยคะและฝึกสมาธิสำหรับใช้เวลาอยู่กับตัวเอง และ “Pets’ Room & Pets’ Bedroom” พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับสัตว์เลี้ยงแสนรัก ไม่ว่าจะเป็น ที่นั่ง อ่างน้ำ เฟอร์นิเจอร์ และพื้นที่วิ่งเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยง
- Share – “Mini Gym” พื้นที่ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอด้วยลู่วิ่งแบบอินเทอร์แอคทีฟเพื่อคนรักสุขภาพ รวมถึง “Nap Lounge” เลานจ์สำหรับการพักผ่อน ในบรรยากาศที่เงียบสงบและผ่อนคลาย เพื่อการชาร์จพลังในระหว่างวัน และ “Gents’ Room & Girls’ Room” ห้องล็อคเกอร์สำหรับชาย หญิง พร้อมสัมผัสประสบการณ์การอาบน้ำด้วยเทคโนโลยีวารีบำบัดเพื่อเพิ่มความสดชื่น รวมถึงห้องซาวน่า และห้องสตีม หรือ อบไอน้ำ
- Work – “Sook Room, Sanook Room, Saran Room & Mini Zone” ห้องประชุมหลากหลายขนาดตั้งแต่ห้องส่วนตัวขนาดเล็กไปจนถึงห้องประชุมขนาดใหญ่เพื่อรองรับทุกความต้องการ พร้อมรองรับการจองห้องประชุมล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน “Pikul” รวมถึงพื้นที่ “Team Zone” นำเสนอพื้นที่การทำงานที่ยืดหยุ่นเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือร่วมกันผ่านสายงานที่หลากหลาย รวมถึงการจัดสัมมนา และ “Peace Lounge” พื้นที่ทำงานอันเงียบสงบในสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบาย ผ่อนคลาย เพื่อมุ่งความสนใจให้กับการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

อาคาร “เอ็มไพร์” ยังได้เปิดให้บริการร้าน “Café Pittore” ซึ่งเป็นร้านคาเฟ่สไตล์อิตาเลียนที่นำเสนอกลิ่นอายในแบบเอเชีย ตั้งอยู่บริเวณชั้น G ในรูปแบบล็อบบี้เลานจ์ที่เปิดให้บริการแก่ลูกค้าหรือนักท่องเที่ยวตลอดทั้งวัน จึงเป็นสถานที่ที่มีความเหมาะสมสำหรับการนัดประชุมงาน พักผ่อน หรือนั่งทำงานระหว่างวันในบรรยากาศชวนผ่อนคลาย พร้อมนำเสนอบริการอาหารและเครื่องดื่มที่เรียบง่ายด้วยการบริการระดับโรงแรม

นอกจากนั้น อาคาร “เอ็มไพร์” ยังได้เริ่มเปิดพื้นที่ “EA Rooftop at The Empire” จุดหมายปลายทางด้านอาหารและเครื่องดื่มบนรูฟทอปที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 55-60 ของอาคาร ซึ่งประกอบไปด้วย “EA Gallery” ชั้น 55 แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ร้านอาหารและคาเฟ่กับทัศนียภาพที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ ที่ทยอยเปิดร้านคาเฟ่และร้านอาหารตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 และจะเปิดเต็มรูปแบบในไตรมาสแรกปี 2567 และ “EA CHEF’S TABLE” ชั้น 56 ห้องอาหารไทยบนรูฟทอปแห่งแรกและห้องอาหารจีนที่อยู่สูงที่สุดในไทยที่สร้างสรรค์โดยเชฟมิชลินสตาร์ โดยเชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร และเชฟวิคกี้ เชง และ “Nobu Bangkok” ชั้น 57-58 และ “Nobu Bangkok Rooftop Bar” ชั้น 60 ห้องอาหารและบาร์ภายใต้แบรนด์ Nobu ที่สูงและใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงยังเป็นห้องอาหาร Nobu แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่จะเข้ามาช่วยเติมเต็มไลฟ์สไตล์ให้กับลูกค้าและพนักงานภายในอาคาร “เอ็มไพร์” ได้อย่างครบวงจร ภายในไตรมาสสามปี 2567 เช่นกัน

อาคาร “เอ็มไพร์” เปิดตัว Co-Living ที่ไม่เหมือนที่ไหนในอาคารสำนักงานในประเทศไทยให้ผู้เช่าในวันนี้ พร้อมด้วยสิทธิประโยชน์จาก “AWC Infinite Lifestyle” (AWI) และแอปพลิเคชัน “Pikul” ซึ่งเชื่อมโยงผู้เช่าและนักเดินทางเข้ากับเครือข่ายทั้งหมดของกลุ่มโรงแรมและหรือห้องอาหารในเครือ AWC ที่ลูกค้าจะสามารถ เพลิดเพลินไปกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครันทั้ง “Office-Home-Hotel-Retail” ได้อย่างไร้รอยต่อในสัมผัสเดียว ไม่ว่าจะเป็น การเข้าอาคาร การจองห้องประชุม และข้อเสนอสุดพิเศษต่างๆ และอาคารยังเตรียมเพิ่มบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมาย อาทิ บริการนำรถไปจอด (Valet Parking) เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำ (Drop-off Concierge) บริการ Room Service และแผนกต้อนรับลูกค้า (Guest Reception) เพื่อให้ทุกคนในอาคารสามารถใช้ชีวิตได้อย่างลงตัวและมีความสุข

“การเปิดตัว ‘The Empire Residence’ และพื้นที่ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ มากมายในอาคาร “เอ็มไพร์” ในวันนี้ไม่ได้เป็นเพียงการเปิดตัวแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ใหม่ด้านการทำงานและไลฟ์สไตล์แต่เพียงเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของ AWC ทางด้านนวัตกรรมที่ไม่หยุดยั้งในการพัฒนาเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดที่จะสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าของเรา พร้อมมาตรฐานใหม่ให้อุตสาหกรรมอาคารสำนักงานในการเปิดประสบการณ์อาคาร “เอ็มไพร์” ให้เป็นจุดหมายปลายทางการทำงานผสานไลฟ์สไตล์แบบ AWC’s Lifestyle Workplace Destination ที่บูรณาการการใช้ชีวิตและการทำงานเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัวในรูปแบบที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน ซึ่งได้กลายมาเป็นไมล์สโตนครั้งสำคัญของมิติใหม่แห่งการใช้ชีวิตในเมือง ที่จะช่วยเสริมสร้างคุณค่าองค์รวมให้กับพนักงาน ลูกค้า ชุมชน สังคม และประเทศชาติ เพื่อช่วยสนับสนุนประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางขององค์กรและพนักงานจากทั่วโลกที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง” นางวัลลภา กล่าวสรุป
More Stories
สุดล้ำ!! HONOR Magic7 Pro 5G สมาร์ตโฟนเรือธงพร้อมพลัง AI เหนือชั้น กล้องโหด สเปคจัดเต็ม เปิดตัวในราคาเพียง 35,990
ซิมเปิ้ลอินเทอร์เน็ตเปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่ พร็อพเพอร์ตี้ฮับ (Propertyhub) เพื่อธุรกิจ “อสังหาริมทรัพย์” ทั่วไทย
Rado True Round Open Heart กุหลาบ ความรัก และ Rado