คณะเเพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ร่วมกับพันธมิตรหลัก บริษัท วิโนน่า เฟมินิน จำกัด ผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของไทย ตอกย้ำการเป็นผู้บุกเบิกและค้นคว้าวิจัย “จุลินทรีย์โพรไบโอติกส์สายพันธุ์ไทย” อย่างต่อเนื่อง เดินหน้าเปิดตัวโครงการวิจัยทดสอบประสิทธิภาพ พร้อมเปิดโอกาสให้สตรีกลุ่ม เป้าหมายวัยหมดระดูร่วมโครงการวิจัย ชี้สถิติปัญหาคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของสตรีวัยหมดระดูในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เพื่อมุ่งแก้ปัญหาสุขภาพองค์รวมของสตรีวัยหมดระดูอย่างยั่งยืน โดยจัดงานแถลงความร่วมมือพร้อมเปิด “โครงการวิจัยทดสอบประสิทธิภาพของโพรไบโอติกส์สายพันธุ์ไทย ผสมฮอร์โมนจากพืช” อย่างเป็นทางการพร้อมจัดเสวนาความรู้ในหัวข้อ “นวัตกรรมที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้หญิงวัย 40+” โดย ดร.นพ.อมรินทร์ นาควิเชียร รองคณบดีฝ่ายบริหาร และอาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และคุณนพรัตน์ สุขสราญฤดี ประธานกรรมการ บริษัท วิโนน่า เฟมินิน จำกัด โดยมี รศ.ดร.มาลัย ทวีโชติภัทร์ หัวหน้าศูนย์เพื่อความเป็นเลิศทางวิจัยด้าน โพรไบโอติกส์ รองคณบดีฝ่ายวิจัย คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, พญ.ณัฐชา อินทร อาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, รศ.ดร.วาณี ชนเห็นชอบ ประธานอนุกรรมการแผนงานอาหารมูลค่าสูง บพข. และคุณอิทธิพล ศรีอิทยาจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิโนน่า เฟมินิน จำกัด ให้เกียรติร่วมงานณ ห้องปฐมบริบท อาคารประสานมิตร 3 อาคารหอจดหมายเหตุ หอเกียรติยศ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เมื่อวันอังคารที่ 5 มีนาคม 2567
ดร.นพ.อมรินทร์ นาควิเชียร รองคณบดีฝ่ายบริหาร และ อาจารย์ประจำภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า “เนื่องด้วยปัจจุบันสังคมไทยมีการเปลี่ยน แปลงของระบบโครงสร้างของประชากร และเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทําให้ปัญหาคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของสตรีวัยหมดระดูมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสําคัญ โดยจากข้อมูลของสำนักทะเบียน กรมการปกครอง ในปี 2563 พบว่า มีประชากรผู้หญิงอายุ 45 ปี ขึ้นไปสูงถึงประมาณ 20 ล้านคน ซึ่งอายุเฉลี่ยของการหมดระดูตามธรรมชาติในสตรีไทยคืออายุ 51 ปี ซึ่งบางรายก็อาจจะหมดระดูก่อน โดยภาวะหมดระดู (Menopause) เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดตามธรรมชาติในสตรีทุกคน โดยการหมดระดูส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งทางกายและจิตใจ ซึ่งกระทบต่อสัมพันธภาพในครอบครัวได้ด้วย ทั้งนี้มีทั้งภาวะอันไม่พึงประสงค์ที่เป็นผลจากการหมดระดูในระยะสั้น ได้แก่ ร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน อารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับ แต่ที่หลายคนอาจจะไม่เคยตระหนักมาก่อนคือสตรีวัยหมดระดูทุกรายจะได้รับผลกระทบในระยะยาว เนื่องจากการขาดฮอร์โมน ได้แก่ อาการทางระบบสืบพันธุ์และทางเดินปัสสาวะ, กระดูกพรุน, ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคอัลไซเมอร์ เป็นต้น จึงนับว่าเป็นอีกหนึ่งภาวะคุกคามคุณภาพชีวิตได้”
“ปัจจุบันการรักษาหลักของกลุ่มอาการทางระบบสืบพันธุ์และทางเดินปัสสาวะในสตรีวัยหมดระดูคือการใช้
ฮอร์โมนเอสโตรเจนเฉพาะที่สอดทางช่องคลอด ซึ่งมีข้อจํากัดในเรื่องของระยะเวลา และข้อมูลในอดีตที่ก่อให้เกิดความกังวลใจเกี่ยวกับอาการข้างเคียงจากการใช้ฮอร์โมน การรักษาแบบประคับประคองก็ยังไม่ให้ผลดีนักและต้องอาศัยการรักษารูปแบบเฉพาะที่ ต่อเนื่องยาวนาน ทําให้เกิดความไม่สะดวก แพทย์และผู้ป่วยจึงได้มองหาแนวทางใหม่ๆ ที่มุ่งเน้นการป้องกันโรค การปรับสมดุลภาวะแวดล้อมจุลชีพในช่องคลอดด้วยโพรไบโอติกส์ จึงเป็นที่มาของโครงการวิจัยนี้ โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัท วิโนน่า เฟมินีน จํากัด และภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดยได้พัฒนาผลิตภัณฑ์โพรไบโอติกส์ผสมสารสกัดจากพืชที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะจากถั่วเหลือง ซึ่งมีฤทธิ์เอสโตรเจนอ่อน ๆ (Phytoestrogen) ชนิดรับประทาน สําหรับสตรีวัยหลังหมดระดู โดยได้รับการสนับสนุนโดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)”
คุณนพรัตน์ สุขสราญฤดี ประธานกรรมการบริษัทวิโนน่า เฟมินิน จำกัด และผู้ก่อตั้งแบรนด์ ‘วิโนน่า’ ผู้บุกเบิกโพรไบโอติกส์สายพันธุ์ไทยเป็นเจ้าแรก และเป็นเจ้าของสิทธิบัตรการประดิษฐ์ชนะเลิศแห่งชาติ เป็นผู้นำนวัตกรรมงานวิจัยไทยออกสู่เชิงพาณิชย์ได้ประสบความสำเร็จจนได้รับยกย่องว่าเป็น ‘WINONA MODEL’ กล่าวว่า “วิโนน่า ในฐานะผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพชั้นนำของประเทศไทย โดยเฉพาะด้านสุขอนามัยของสตรี ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มามากกว่า 8 ปี ได้ศึกษารวบรวมข้อมูลจากกลุ่มเป้าหมายสตรีวัยหมดระดูอย่างเชิงลึก ซึ่งพบ pain-point และปัญหาว่ามีกลุ่มผู้หญิงวัยทองจำนวนกว่า 16 ล้านคนโดยประมาณ ที่ประสบปัญหาสุขภาวะดังกล่าวและไม่กล้าที่จะไปปรึกษาแพทย์ หรือไม่มีความเข้าใจในภาวะอาการดังกล่าว จึงไม่ตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหาที่ค่อยคุกคามคุณภาพชีวิต ด้วยเหตุนี้จึงเป็นอีกหนึ่งพันธกิจของ วิโนน่า ที่สนับสนุนการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้หญิงในวัยทองให้ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เราจึงเดินหน้าทำงานร่วมกับภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มาอย่างต่อเนื่อง และนับอีกอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของวิโนน่า ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเปิดตัวโครงการวิจัยทดสอบประสิทธิภาพจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์สายพันธุ์ไทย ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าของวงการนวัตกรรมทางด้านจุลินทรีย์เพื่อทางการแพทย์และสุขภาพของไทย โดยมุ่งหวังที่จะนำนวัตกรรมที่มีแหล่งที่มาจากการใช้ชีวภาพในเมืองไทย และใช้ฮอร์โมนจากธรรมชาติ เพื่อลดการพึ่งพายาเคมีและผลค้างเคียง รวมถึงลดการนำเข้าโพรไบโอติกส์จากต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งนับเป็นความตั้งใจที่อยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาสุขภาพองค์รวมของสตรีวัยหมดระดูของประเทศไทยอย่างยั่งยืนในระยะยาว”
สำหรับรายละเอียดของโครงการวิจัยนี้จะนําผลิตภัณฑ์ต้นแบบ โพรไบโอติกส์สายพันธุ์ไทยจํานวน 2 สายพันธุ์ ที่ได้รับการพัฒนาจากศูนย์ความเป็นเลิศทางวิจัยด้านโพรไบโอติกส์ ร่วมกับสารสกัดจากพืช ซึ่งทดสอบในห้องปฏิบัติการ มาผลิตในเชิงพาณิชย์เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสําหรับสตรีวัยหมดระดู และวัดประสิทธิภาพโดยงานวิจัยทางคลินิกศึกษาในอาสาสมัครสตรีวัยหมดระดูอย่างน้อย 3 ปี ขึ้นไป จํานวน 120 ราย รับประทานผลิตภัณฑ์โพรไบโอติกส์ร่วมกับสารสกัดจากพืช และผลิตภัณฑ์ทดลองเป็นเวลา 12 สัปดาห์ ซึ่งตั้งเป้าการทดสอบประสิทธิภาพของโพรไบโอติกส์สายพันธุ์ไทยและสารสกัดจากพืช ช่วยส่งเสริมภาวะแวดล้อมที่ดีทางจุลชีพและกลุ่มอาการทางระบบสืบพันธุ์และทางเดินปัสสาวะ เป็นผลดีต่อระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด และคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพองค์รวมของสตรีไทยวัยหมดระดู จะเป็นการสร้างแนวทางใหม่ในการดูแลสตรีวัยหมดระดู เป็นทางเลือกของการดูแลแบบประคับประคองให้กับกลุ่มสตรีที่มีความกังวลและไม่สะดวกในการใช้ฮอร์โมนเฉพาะที่ต่อไป
ผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการวิจัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-1088-533
More Stories
ยาดมตราโป๊ยเซียน เปลี่ยนพลาสติกเป็นถนน UPCYCLING ลดปัญหาพลาสติกสะสมในประเทศ เพื่อประโยชน์อย่างยั่งยืนของคนไทย
หลังคาไวนิลท้องเรียบ กันความร้อนได้ไหม
เอสซีจี คว้า 5 รางวัลงาน TMA Excellence Awards 2024 โดดเด่นด้านผู้นำ พัฒนาคนธุรกิจเติบโตยั่งยืนด้วยนวัตกรรมกรีน ปรับองค์กรคล่องตัวยิ่งขึ้นรับทุกความท้าทายโลก