
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.)ร่วมเดินหน้าสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มมวลชน ปราชญ์เพื่อความมั่นคงและภาคประชาชนทั่วประเทศ โดยมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิต เสริมสร้างอาชีพและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม โดย กอ.รมน.และ วช.ร่วมจัดกิจกรรม Kick-off เปิดตัว “โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งกลุ่มมวลชน โดยการยกระดับศักยภาพความเข้มแข็งของชุมชนด้วยวิจัยและนวัตกรรม” ครั้งที่ 2 ในวันที่ 5 มีนาคม 2563 ณ ศาลาการเปรียญ วัดมาบแฟบ ตำบลเนินปอ อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการใช้ประโยชน์องค์ความรู้จากผลงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ : ชุมชนเข้มแข็งด้วยวิจัยและนวัตกรรม ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและชุมชน

ในการนี้ ได้รับเกียรติจากนายสิริรัฐ ชุมอุปการ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรให้เกียรติกล่าวต้อนรับ โดยศาสตราจารย์นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ มอบหมายให้ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานในการเปิดกิจกรรม Kick-off ครั้งที่ 2 ร่วมกับ พลตรีกฤษณะ วัชรเทศ รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฎิบัติที่ 1 กอ.รมน. พร้อมนี้ ผู้บริหารของ กอ.รมน.และจังหวัดพิจิตร คณะนักวิจัย และกลุ่มมวลชนจากจังหวัดพิจิตร และจังหวัดใกล้เคียง เข้าร่วมสนับสนุนกิจกรรม

ทั้งนี้ ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 1(ศปป.1) กอ.รมน. และวช. เดินหน้าแผนระยะแรกเพื่อขยายผลทั่วประเทศ ใน 269 พื้นที่ โดยประมวลผลความต้องการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและโจทย์การเสริมสร้างอาชีพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตที่ตรงความต้องการใช้งานของกลุ่มมวลชน

ซึ่งมีผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่นำไปเพิ่มศักยภาพและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ชุมชนใน 5 ผลงาน ได้แก่
1)เครื่องอบแห้งอินฟราเรดแบบถังหมุน สู่ชุมชน 6 พื้นที่ ใน 6 จังหวัด โดย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
2)ตู้เพาะเห็ดอัตโนมัติ สู่ชุมชน 10 พื้นที่ ใน 8 จังหวัด โดย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย
3)ระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์แบบเรือนกระจกหรือพาราโบล่าโดม สู่ชุมชน 4 พื้นที่ ใน 4 จังหวัด โดย มหาวิทยาลัยศิลปากร
4)เครื่องสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ สู่ชุมชน 18 พื้นที่ ใน 13 จังหวัด โดย มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
5)เครื่องกลั่นน้ำส้มควันไม้ สู่ชุมชน 231 พื้นที่ ใน74 จังหวัด โดย มหาวิทยาลัยนเรศวร

โดยมุ่งหวังเมื่อปราชญ์เพื่อความมั่นคงและกลุ่มมวลชนของกอ.รมน.ในพื้นที่นำร่อง ได้รับนวัตกรรมและองค์ความรู้ไปใช้ในการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแล้ว ชุมชนสามารถลดระยะเวลาในกระบวนผลผลิต ลดต้นทุน ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพดี รวมทั้งยังสามารถช่วยเสริมรายได้ในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ได้อีกด้วย
More Stories
POP MART สานต่อโครงการ ‘POP BLOOD GIVER SEASON 4’ ชวน POP HERO ทำดีร่วมกับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
ดร.สายสม วงศาสุลักษณ์ ฉลองวันคล้ายวันเกิด 68 ปี จัดงานการกุศล “ย้อนวันวาน สานใจรัก” หารายได้สมทบทุนโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ ๔๘ พรรษา
ร้าน Tina’s Sathorn จัดอาหารค่ำสุดพิเศษสไตล์นิวออร์ลีนส์ รายได้มอบให้ “มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม”