
เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC เผยถึงความรุดหน้าของโครงการเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบด้วยก๊าซอีเทนที่โรงงาน LSP หรือ ลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ ประเทศเวียดนาม (โครงการ LSPE) ล่าสุด ได้ลงนามสัญญาเช่าเหมาเรือขนส่งก๊าซอีเทน (Very Large Ethane Carriers: VLECs) จากสหรัฐอเมริกาไปยังประเทศเวียดนามเป็นเวลา 15 ปี เพิ่มอีกจำนวน 2 ลำ รวมทั้งสิ้น 5 ลำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นคงในการรองรับการขนส่งก๊าซอีเทนปริมาณ 1 ล้านตันต่อปีของโครงการในระยะยาว เชื่อมั่นการใช้ก๊าซอีเทนเป็นวัตถุดิบทางเลือกจะช่วยเพิ่มความสามารถการแข่งขันด้านต้นทุนวัตถุดิบให้กับ LSP ในระยะยาว พร้อมทั้งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จปลายปี 2570 รับการฟื้นตัวของตลาดปิโตรเคมีในภูมิภาค
นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCGC เผยถึงความคืบหน้าล่าสุดของโครงการ LSPE ว่า “SCGC ได้ลงนามในสัญญาระยะยาวสำหรับเช่าเหมาเรือขนส่งก๊าซอีเทน (Very Large Ethane Carriers: VLECs) กับกลุ่มบริษัท Mitsui O.S.K. Lines (MOL) ผู้ให้บริการเรือขนส่งวัตถุดิบก๊าซธรรมชาติเหลวชั้นนำของโลก เพิ่มอีกจำนวน 2 ลำ รวมทั้งหมด 5 ลำ จากรอบแรกเมื่อเดือนมกราคม 2568 จำนวน 3 ลำ ซึ่ง MOL จะให้บริการขนส่งก๊าซอีเทนจากสหรัฐอเมริกาไปยังประเทศเวียดนามเป็นเวลา 15 ปี ทั้งนี้ การเพิ่มจำนวนเรือขนส่งให้ครบ 5 ลำ เป็นไปตามกลยุทธ์ด้านการสร้างห่วงโซ่อุปทานของโครงการ LSPE เพื่อเพิ่มศักยภาพและลดความเสี่ยงด้านการขนส่งในระยะยาว”

“สำหรับห่วงโซ่อุปทานของการนำเข้าก๊าซอีเทนให้กับโรงงาน LSP ประกอบด้วย 1) สัญญาซื้อขายอีเทนและท่าเรือส่งออก 2) สัญญาเช่าเหมาลำเรือขนส่งก๊าซอีเทน (VLECs) จำนวน 5 ลำ และ 3) สัญญาการออกแบบ จัดหา และก่อสร้างถังเก็บวัตถุดิบที่ถูกออกแบบโดยเฉพาะสำหรับบรรจุก๊าซอีเทน โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินการแล้วเสร็จครบทั้งหมด และพร้อมเร่งเครื่องเดินหน้าในขั้นตอนต่อ ๆ ไป” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCGC กล่าว
“โครงการ LSPE มีการลงทุนประมาณ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 18,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากแหล่งเงินทุนภายใน SCG โดยส่วนใหญ่จะใช้ในการก่อสร้างถังเก็บวัตถุดิบ ทั้งนี้ โรงงาน LSP ถูกออกแบบให้มีความยืดหยุ่นในการรับวัตถุดิบก๊าซอยู่แล้ว จึงสามารถปรับปรุงโรงงานให้ใช้วัตถุดิบก๊าซอีเทนได้ทันที โดยโรงงาน LSP เวียดนาม ถือเป็นแห่งแรกในอาเซียนที่นำก๊าซอีเทนจากสหรัฐอเมริกามาใช้เป็นวัตถุดิบ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญกว่า 30% เมื่อเทียบกับราคาแนฟทาในปัจจุบัน ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCGC กล่าวทิ้งท้าย
More Stories
คณะผู้บริหารจาก UNDP นำโดย Ms. Niamh Collier Smith เข้าเยี่ยมคารวะเลขาธิการ คปภ. เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง Resident Representative ในประเทศไทย
“พาณิชย์” ประกาศรางวัล Agri Plus Award 2025 มุ่งต่อยอดเกษตรนวัตกรรมไทย ดัน SMEs สู่ตลาดโลก
“อรนุช” ร้านอาหารไทยแบบ Home-style ที่มีความประณีตระดับพรีเมียม รสชาติความอร่อย จากการชิมมาทั้งชีวิตเชิญ 2 เซเลบริตี้คนดังร่วมท้าพิสูจน์ความอร่อย