ยิ่งวันเวลาผ่านไปคนเมืองก็ยิ่งใส่ใจสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะบรรดานักสำรวจที่ออกเดินทางไปพบความงามตามธรรมชาติมามากมาย ก็หวนกลับมาเอาใจใส่โลกรอบตัว จนทำให้ในเมืองใหญ่หลายแห่งค่อยๆ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าเดิม Rado จึงถ่ายทอดจิตวิญญาณนี้ลงมาอยู่ใน Captain Cook รุ่นล่าสุด ที่โดดเด่นด้วยตัวเรือนสีเขียวมะกอกด้าน สะท้อนภาพธรรมชาติอันสวยงาม เงียบสงบ แต่ขณะเดียวกันก็เสริมกลิ่นอายของความเป็นเมืองลงไปด้วย PVD สีโรสโกลด์อันงามสง่า
นอกจากนี้ Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton สีเขียวมะกอกเรือนใหม่ยังพร้อมออกผจญภัยกับทุกคนไปทุกที่ ตั้งแต่เช้าตรู่จรดค่ำ ณ ใจกลางเมืองไปจนถึงแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันแสนไกล เพราะทั้งความแข็งแรง ทนทาน ความเที่ยงตรง และแม่นยำ ทำให้ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาหรือสภาพแวดล้อมแบบใด ก็มั่นใจได้ว่า Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton จะเป็นเพื่อนเดินทางที่ไว้วางใจได้มากที่สุด
แม้รูปโฉมของ Captain Cook รุ่นใหม่นี้จะยังคงความเข้มขรึม แข็งแกร่ง แต่ภาพลักษณ์อันแข็งแรงนี้มาพร้อมสัมผัสสบาย เพราะตัวสายนาฬิกาทำจากยางสีเขียวมะกอกเคลือบไฮเทคเซรามิกแบบด้าน ซึ่งกลมกลืนไปกับตัวเรือนเซรามิกโครงสร้างแบบชิ้นเดียว ส่วนขอบหน้าปัดหมุนได้รังสรรค์ขึ้นมาจากแสตนเลสเคลือบ PVD โรสโกลด์เช่นเดียวกับเม็ดมะยมแบบขันสกรู ทั้งหมดนี้อยู่ติดกับกรอบหน้าปัดสีเขียวมะกอก ส่วนกระจกด้านหน้าที่เปิดให้เห็นกลไกอันน่าหลงใหลเป็นคริสตัลแซฟไฟร์ เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้งด้านในและด้านนอก ส่วนเข็มนาฬิกา ดัชนีบอกเวลาออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่ขึ้นพร้อมเคลือบ Super-LumiNova® สีขาว ช่วยให้เรามองเห็นเวลาได้ชัดเจน แม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่แสงน้อยมากก็ตาม
คุณสมบัติภายนอกอันครบเครื่องนี้ มาพร้อมองค์ประกอบระดับพรีเมียมด้านใน นำโดยกลไกการเดินออโตเมติก R808 แบบสามเข็ม 25 จีเวลซึ่งทันสมัยที่สุด และขาดไม่ได้กับแฮร์สปริง NivachronTM เครื่องมือที่คอยป้องกันสนามแม่เหล็กที่มีอยู่รอบตัวเรา จึงช่วยการันตีได้ว่า Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton จะบอกเวลาได้อย่างเที่ยงตรงเสมอ ทำให้ผ่านการทดสอบกลไกการเดินอย่างเต็มรูปแบบที่ห้าตำแหน่ง สุดท้ายคือคุณสมบัติกันน้ำได้ลึก 30 บาร์ (300 เมตร) และสำรองพลังงานได้ยาวนานถึง 80 ชั่วโมง ดังนั้นเราจึงออกเดินทางสำรวจโลกได้อย่างสบายใจ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม
เมื่อพลิกนาฬิกาไปด้านหลัง จะพบฝาหลังไทเทเนียมขัดเงาผสานกับคริสตัลแซฟไฟร์ที่เผยให้เห็นการทำงานของนาฬิกาด้านใน สายนาฬิกามีทั้งรุ่นสายยางสีเขียวมะกอกดูสปอร์ต ลงตัวกับไลฟ์สไตล์ในวันสบายๆ ขณะเดียวกันก็มีสายไฮเทคเซรามิกแบบสามแถวสีเดียวกัน มาพร้อมตัวล็อกไทเทเนียมแบบพับสามทบและปุ่มกดคู่แบบออโตเมติก มอบความสะดวกสบายให้ทุกการผจญภัย
ทำไมต้องใช้ไฮเทคเซรามิก? เพราะความพิเศษไม่เหมือนใคร
เราจะเข้าใจความพิเศษของไฮเทคเซรามิกจาก Rado ได้ดีที่สุดด้วยการ “สัมผัส” ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นที่มาที่ทำให้แบรนด์บอกเสมอว่า “Feel it” วัสดุชนิดนี้เกิดความรู้ความชำนาญของ “ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุ” ที่สร้างสรรค์ไฮเทคเซรามิกขึ้นพร้อมคุณสมบัติอันโดดเด่นอย่างความทนทานต่อรอยขีดข่วน สวยงาม น้ำหนักเบา อีกความพิเศษคือความนุ่มเหลือเชื่อ ทำให้เมื่อสวมแล้วทุกคนจะรู้สึกได้ทันทีว่าสบายผิว ไม่ว่านาฬิกาเรือนนั้นจะบาง ใหญ่ หรือแข็งแกร่งเพียงใด เมื่อนาฬิกาไฮเทคเซรามิกมาอยู่บนข้อมือแล้ว เราจะรู้เลยว่านาฬิกา Rado เหมือนรังสรรค์มาให้อยู่คู่เราตลอดไป
เกี่ยวกับไฮเทคเซรามิก
Rado เปิดตัวไฮเทคเซรามิกครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1986 และครองใจคนรักนาฬิกาทั่วโลกได้ทันทีจากคุณสมบัติการป้องกันรอยขีดข่วน และน้ำหนักที่เบาเหลือเชื่อ แบรนด์เนรมิตวัสดุชนิดนี้ขึ้นมาโดยการใช้หลักวิทยาศาสตร์ขั้นสูง นำผงอะลูมิเนียมออกไซด์ เซอร์โคเนียมออกไซด์ และซิลิกอนไนไตรด์บริสุทธิ์มาคาลิเบรต (Calibrate) จนได้ขนาดเกรนที่เท่ากันอย่างสมบูรณ์แบบ จากนั้นจึงทำการขึ้นรูป และเข้าอบในอุณหภูมิสูงมาก นอกจากนี้ Rado ยังใช้สารสื่อกลางช่วยให้ฉีดพลาสติกผสมผงแร่เข้าไปในแม่พิมพ์ได้ภายใต้แรงดันสูงถึง 1,000 บาร์ เมื่อชิ้นส่วนต่างๆ เย็นลงแล้วจึงนำออกจากแม่พิมพ์ได้ ก่อนจะทำไปเผาผนึกที่อุณหภูมิ 1450 องศาเซลเซียส และขั้นตอนนี้เองที่ทำให้เกิดไฮเทคเซรามิก ซึ่งมีความหนาแน่น แข็งแกร่ง แต่ขณะเดียวกันก็ถือเป็นขั้นตอนที่ยากมาก และต้องอาศัยความแม่นยำ เพราะเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลง ขนาดผลิตภัณฑ์ก็จะเปลี่ยนไปราว 23% ดังนั้นจึงต้องคำนวณเป็นอย่างดี เพื่อให้ได้นาฬิกาเรือนที่สมบูรณ์แบบตามต้องการ ผลลัพธ์สุดท้ายของกระบวนการอันละเอียดอ่อนนี้คือ ตัวเรือนที่มีความแข็งระดับ 1,250 วิกเคอร์ จากนั้น Rado จึงจะนำไปเก็บงานในขั้นสุดท้าย ซึ่งใช้อุปกรณ์เดียวกับการตัดและเจียระไนเพชรชั้นดี เพื่อให้ได้นาฬิกา Rado ที่น่าประทับสำหรับทุกคน
More Stories
น้ำมันพืช ตราเกสร จุดประกายความอร่อยแบบรักษ์โลก เจ้าแรกของน้ำมันพืชใช้ขวด rPET ยึดหลักแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน
SCGC ทุ่ม 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ลงทุนใน LSP คอมเพล็กซ์ เวียดนาม
SNPS ฉลองครบรอบ 25 ปี ขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านสมุนไพรไทยกว่าสองทศวรรษ