SB’23 BANGKOK CHANTHABURI
Regenerative Food, Regenerative Future งานประชุมที่จะฟื้นคืนสมดุลโลก สร้างอนาคตที่ทุกชีวิตทั้งคนและธรรมชาติมีความยั่งยืนร่วมกันได้อย่างแท้จริง 3 พฤศจิกายน 2566 กรุงเทพมหานคร, 4 – 5 พฤศจิกายน 2566 จันทบุรี
เมื่อโลกกำลังหมุนเปลี่ยนไปในทุกทิศทาง และดูเหมือนจะไปในทิศทางที่เป็นลบ เป็นวิกฤตมากขึ้นทุกวัน จนสร้างผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงให้กับทุกชีวิต และธรรมชาติอย่างทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆโดยไม่มีทีท่าจะหยุดได้เลย การตั้งคำถามกับการดำรงอยู่ของทุกชีวิตบนโลกไม่ใช่เฉพาะมนุษย์ จึงกลายเป็นความท้าทายใหม่ ที่เราทุกคนต้องช่วยกันหาคำตอบว่าเราจะไปต่อกันอย่างไร และด้วยเหตุนี้ Sustainable Brand (SB) Global (sustainablebrands.com) จึงเกิดขึ้น เพื่อเป็นชุมชนของนักคิด นักสร้างสรรค์ ที่ตั้งใจสร้างโลกของธุรกิจที่สร้างความยั่งยืนสำหรับอนาคตที่เป็นไปได้จริงๆ โดยให้บริการความรู้ การสนทนา การประชุม การจัดการแบรนด์ ผ่านกิจกรรมหลากหลาย ในระดับภูมิภาค ระดับประเทศ และระดับโลก

สำหรับประเทศไทย Sustainable Brand (SB) THAILAND ก่อตั้งขึ้นมาเป็นระยะเวลากว่า 8 ปี ทำงานสร้างแรงบันดาลใจ สร้างการมีส่วนร่วม และทำงานร่วมกับภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคธุรกิจของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถจัดการการทำงานให้เติบโตและยั่งยืนได้ทั้งในระยะยาวและระยะสั้น และในปี พ.ศ.2566 นี้ Sustainable Brand THAILAND มองเห็นถึงวิวัฒนาการที่จําเป็นของแบรนด์ โดยเฉพาะการสร้างความความต่อเนื่องของสถานะที่เป็นอยู่และความสามารถของการไปต่อในอนาคต กับมุมมองของ Regenerative Brands แนวคิดที่พยายามจะฟื้นคืน และสร้างมูลค่าให้กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อส่งมอบคุณค่าที่มากขึ้น ให้แบรนด์เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ท้าทาย สามารถต้านทานและพลิกฟื้นสภาพที่เป็นอยู่ของโลก สังคม ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างดีขึ้น ที่สำคัญต้องการให้แบรนด์มองหาการปรับปรุงระบบวิถีการขับเคลื่อนในแนวทาง regenerative มากขึ้นสําหรับพวกเราทุกคน เพื่อฟื้นคืนสมดุลโลก สร้างอนาคตที่ทุกชีวิตทั้งคนและธรรมชาติมีความยั่งยืนร่วมกันได้อย่างแท้จริง
สำหรับแนวคิดของงานในปีนี้ “Regenerative Food, Regenerative Future” SB ประเทศไทย โดย ดร.ศิริกุล เลากัยกุล นำแนวคิด Regenerative เข้าไปสู่ชุมชนและปรับให้เข้ากับสังคมของประเทศไทย โดยเลือกความสำคัญของธุรกิจอาหารซึ่งเป็นหัวใจหลักของประเทศ เพราะถ้าระบบอาหารมีการเปลี่ยนแปลง และแข็งแรงแล้ว เราจะสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้อย่างเกื้อกูลไปด้วยกันอย่างยั่งยืนได้ ดังนั้นจึงเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไปได้ไกลกว่าเดิม หลังจากที่ Regenerative ได้รับการพูดถึงจากคอนเซปท์มาสู่การขับเคลื่อนแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมนานกว่า 2 ปี ดังนั้นในปี 2023 นี้ SB ประเทศไทย จึงเลือกแนวคิดใหม่ Regenerative มานำเสนอกันอย่างจริงจังในงานประชุมเชิงปฏิบัติการ SB’23 BANGKOK CHANTHABURI: Regenerative Food, Regenerative Future ภายใต้ความร่วมมือกันของ SB ประเทศไทย และ SB ประเทศสเปน และเป็นครั้งแรกที่เป็นความร่วมมือระหว่าง SB ทั้ง 2 ประเทศ โดยในงานประชุมจะเต็มไปด้วยกิจกรรมที่จะทำให้ทุกคนรู้จักกับแนวคิด Regenerative ผ่านหัวข้อใหญ่ 2 เรื่องที่สำคัญยิ่งต่อการพัฒนาธุรกิจและศักยภาพของประเทศ นั่นคือเรื่อง Food System และ Placemaking โดยจะจัดการเรียนรู้ที่กรุงเทพฯ และลงมือทำการเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ (workshop) จริงที่ จ.จันทบุรี นับเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่เจาะประเด็นทั้ง 2 เรื่องอย่างลงลึก และจะนำกรณีศึกษาต่างๆ ระดับนานาชาติมาร่วมส่งต่อให้กับคนสร้างแบรนด์ นักธุรกิจ นักคิดและคนทั่วไปที่มีความใส่ใจให้ชวนกันลุกขึ้นมาเปลี่ยนสังคมด้วยการใช้วิธีการต่างๆ และการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อให้เกิด regenerative future ได้เป็นจริงในประเทศไทยในอนาคตข้างหน้า

ดร. ศิริกุล เลากัยกุล ผู้อำนวยการ SB ประเทศไทย กล่าวถึงรายละเอียดว่า “งานประชุม SB’23 BANGKOK CHANTHABURI จะนำเสนองานประชุมที่ผสานการเรียนรู้ และ การปฏิบัติจริงบนพื้นที่จริง ที่.จันทบุรี โดยกิจกรรมในงานประชุมจะช่วยนำพาให้ทุกคนรู้จักกับแนวคิด Regenerative ผ่านระบบการเกษตร ระบบอาหาร(food system) และการฟื้นฟูและสร้างพื้นที่สร้างสถานที่ให้กลับมาสมบูรณ์ (placemaking) เพื่อให้เป็นระบบเชื่อมต่อที่จะผสานการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา(resilience) นำสิ่งที่หายไปกลับมา(restore) และสร้างอนาคตที่ทุกชีวิตทั้งคนและธรรมชาติมีความยั่งยืนร่วมกันได้อย่างจริงแท้(regenerate) ทั้งในประเทศไทย และในโลกใบนี้ และเพราะประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นครัวและคลังอาหารของโลก และจันทบุรีก็เป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ หลากหลายทั้งในเรื่อง อาหาร วัตถุดิบการเกษตร และ สถานที่อันอุดมสมบูรณ์ด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ยังคงสืบทอดกันอยู่ เราจึงเลือกจัดงานครั้งนี้ที่ทั้งกรุงเทพฯ และจันทบุรี และขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พูดคุยถึงความเป็นไปได้ และสิ่งที่ควรจะทำให้เกิดขึ้น ภายใต้วิถีแนวทางของ Regenerative ผ่านกิจกรรมที่คัดสรร โดยมีนักคิดระดับโลก 2 ท่าน คือ Marc Buckley และ Jenny Andersson มาร่วมแบ่งปันความรู้ พร้อมนำการทำเวิร์คช็อปด้วยตนเอง ในช่วงระหว่างวันที่ 3 – 5 พฤศจิกายน 2566 โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

3 พฤศจิกายน 2566, โรงแรมศิวาเทล กรุงเทพ เพลินจิต (เวลา 08.30 – 17.30 น.): มาเรียนรู้ พูดคุยกันที่โรงแรมที่เป็นแบรนด์ที่สร้างธุรกิจควบคู่ไปกับความยั่งยืน
o Plenary Hall: การเรียนรู้ พูดคุย และแลกเปลี่ยน กับนักคิดและนักปฏิบัติกาและทีมผู้เชี่ยวชาญด้านแนวคิดและการสร้าง Regenerative ระดับโลก: Marc Buckley, Jenny Andersson, Sandra Pina และ ดร.ศิริกุล เลากัยกุล ที่จะนำเสนอ ส่งตรงแนวคิด แนวปฏิบัติจากตัวอย่างจริง เพื่อให้ทุกท่านที่ข้าร่วมงานได้ร่วมกันค้นพบคำตอบว่า ทำไมความยั่งยืนจึงไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว
o คุณมาร์ค บัคลีย์ (Marc Buckley) นักคิด และ นักปฏิบัติการด้านอาหารและตัวแทนความยั่งยืนจาก UN SDG พูดคุยในหัวข้อ “The Regenerative Food System : Food That Save The Future” และร่วมเวิร์คช็อปถึงวิธีที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ในประเทศไทย
o คุณเจนนี่ แอนเดิร์สสัน (Jenny Andersson) ซีอีโอจาก We Activate The Future, ผู้ร่วมก่อตั้ง The Really Regenerative Centre พูดคุยในหัวข้อ “The Regenerative Future : Real Business Cases” และร่วมเวิร์ค ช็อปถึงศักยภาพที่ประเทศไทยจะสามารถทำให้สำเร็จ
o คุณซานดร้า พิน่า (Sandra Pina) ผู้อำนวยการจาก SB ประเทศสเปน และ ดร.ศิริกุล เลากัยกุล ผู้อำนวยการจาก SB ประเทศไทย พูดคุยในหัวข้อ “Role of The Regenerative Brands” และร่วมเวิร์คช็อปว่าแบรนด์จะทำอย่างไรในการฟื้นคุณค่าจากสิ่งที่คุณมีให้เป็นจริงได้ 60 นาที กับ ตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่สนใจเรื่องความยั่งยืนอย่างแท้จริง 3 คนมา ตั้งคำถาม และหาคำตอบกับตัวจริง เสียงจริง นักคิดและนักปฏิบัติกาและทีมผู้เชี่ยวชาญด้านแนวคิดและการสร้าง Regenerative ระดับโลก: Marc Buckly, Jenny Andersson เป็น session เพื่อคนรุ่นใหม่ได้ยิน ได้ฟังจากประสบการณ์ และกรณีศึกษาจริงในเรื่อง regenerative ของโลก
o Mini Workshops: การเข้าร่วมแลกเปลี่ยนการประชุมแบบปฏิบัติการกลุ่มย่อยถึง 4 กลุ่ม ได้แก่ Regenerative Food กับ Marc Buckley, Regenerative Place กับ Jenny Andersson, Regenerative Branding กับ Sandra Pina และ ดร.ศิริกุล เลากัยกุล, Regenerative THAI กับ ผศ.ดร.อัครวิทย์ กาญจนโอภาษ
o ปิดท้ายด้วย The Regenerative Food Cocktail Reception กับเชฟสเปน และ เชฟคนไทยชื่อดังจากรายการ Iron Chef Thailand ในช่วงเวลา 18.00 – 19.30 น. มาเอร็ดอร่อยและเรียนรู้ไปกับการผสมผสาน อาหารสเปน อาหารไทย ในแนวคิด regenerative ครั้งแรกของประเทศไทยกันในงานนี้

กิจกรรมทั้งหมดนี้เพื่อให้การค้นหาวิธีการดำเนินการสร้าง Regenerative เกิดขึ้นเป็นจริงได้ในการสร้างแบรนด์ สร้างธุรกิจ และ ดำเนินชีวิตควบคู่ โอบอุ้มไปด้วยกันได้อย่างเป็นจริง ยิ่งไปกว่านั้น อยากจะชักชวนผู้เข้าร่วมงานมาสนุกสนานกับการเห็นจากของจริง และจับจ่ายอย่างยั่งยืนกับตลาด Sustainable Market, พอแล้วดี Market รวมถึงการออกร้านจากแบรนด์ทรงคุณค่าของประเทศไทยและสเปน ที่จะมานำเสนอ Regenerative Products ให้ได้สนุกสนาน และมองเห็นว่าแนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่ใกล้แบบทำได้จริง จนเราทุกคนสามารถเรียนรู้และสามารถปรับใช้กับตัวเอง ครอบครัว ชุมชน องค์กร หรือประเทศชาติได้จริงอย่างไม่ยากเกินไป เพียงแค่คิดที่จะเริ่มทำก็มีแนวทางให้ทำทันที
4 พฤศจิกายน 2566, เรือนราย วังสวนบ้านแก้ว มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี จันทบุรี: The Regenerative Dinner – The Lost Recipe
o อิ่มอร่อยกับมื้ออาหารค่ำของรสจันท์ที่จางหายภายใต้แนวคิดการกู้คืนสูตรตำหรับอาหารเมืองจันทน์ที่แท้จริงให้ฟื้นกลับคืนมา “Herb – Heritage – Hope” มื้อค่ำสุดพิเศษที่หลอมรวมคุณค่าอันหลากหลายของเมืองจันทน์เอาไว้ตามแนวคิด Regenerative สัมผัสกับรสจันทน์ที่กำลังจะจางหาย รับรู้ รับฟังจากปากคนรุ่นเก่า ต้นตำรับอาหารจันทบูรณ์ และเชฟรุ่นใหม่ที่ใส่ใจอดีต และใฝ่หาอนาคตที่สมดุลทุกเมนูที่ได้ดื่มด่ำ จะพานึกย้อน และบันดาลใจให้อยากฟื้นฟูและฟื้นคืนอนาคตของคนกับธรรมชาติให้อยู่ร่วมกันอย่างที่เคยเป็นยั่งยืน

5 พฤศจิกายน 2566, สุธีร์ ออร์แกนิกฟาร์ม จันทบุรี: The Regenerative Food & The Regenerative Placemaking
o ร่วมทำกิจกรรม workshop ใน 2 หัวข้อตามที่สนใจ ได้แก่ The Regenerative Food และ The Regenerative Placemaking ร่วมเรียนรู้การนำแนวคิด Regenerative ไปใช้จริงในระบบเกษตร และ อาหาร และระบบการฟื้นฟูเมืองที่ไม่ใช่แค่การท่องเที่ยว แต่เป็นการกอบกู้ชีวิตและเสน่ห์ที่แท้จริงของเมืองจันท์ให้กลับมาอีกครั้ง ผ่านเรื่องราวของวัตถุดิบหลักของจันทบุรี คือ พริกไทย และกระวาน พืชสำคัญของประเทศไทย ที่อุดมคุณค่าทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และแง่มุมประวัติศาสตร์ แต่ปัจจุบันพืชสำคัญสองชนิดนี้กำลังจางหายไป มาร่วมตั้งคำถามและหาคำตอบกับคนจันทบุรีว่าจะฟื้นคืนคุณค่าให้กลับมาได้อย่างไร
ร่วมออกเดินทางร่วมกับ Marc Buckley และ Jenny Andersson เพื่อร่วมเรียนรู้ และหาแนวทางของ Regenerative Food, Regenerative Future แบบอินไซด์ ใกล้ชิด เพราะทั้ง 2 ท่านจะนำกระบวนการเวิร์คช็อปด้วยตัวเอง”

คุณมาร์ค บัคลีย์ (Marc Buckley) นักคิดและนักปฏิบัติการด้านอาหารและตัวแทนความยั่งยืนจาก UN SDG กล่าวเสริมว่า “หากเราไม่มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับอนาคตของเรา เราจะไม่สามารถย้ายข้ามผ่านวิกฤตต่างๆไปได้ เพราะมนุษย์เราได้เดินทางผ่านไปหลายยุคของอารยธรรมแล้ว บางสิ่งบางอย่างก็สูญพันธ์ไปตามกาลเวลา และกาลเวลาก็คือหนึ่งในเหตุผลหลักที่นำไปสู่ความล่มสลายของอีกหลายอารยธรรมด้วย และเมื่อการปฏิวัติทางดิจิทัลเข้ามาเปลี่ยนแปลงมนุษย์และโลก มันทำให้เกิดเปลี่ยนแปลงเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนไปด้วย ย้อนกลับไป 7 ปีที่แล้ว มนุษย์ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับเป้าหมายการพัฒนายั่งยืน และเราพบว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงต่อชีววิทยามากเกินกว่าที่เราจะคิดออก คิดได้ ดังนั้นเมื่อเราประสานการใช้เทคโนโลยีกับระบบชีวิต และธรรมชาติอย่างเคารพในวิถีของทุกสิ่งภายใต้แนวคิด regenerative ผลลัพธ์ที่เราได้รับจะเป็นผลลัพธ์ที่เป็นคำตอบที่สุดยอด (super exponential)”
ดร. ศิริกุล เลากัยกุล ผู้อำนวยการ SB ประเทศไทย กล่าวสรุปว่า “Regenerative คือ แนวคิดใหม่ที่ต่อยอดขึ้นไปจากความยั่งยืน (sustainability) เมื่อก่อนเราจะรู้ว่าหลักของความยั่งยืนหรือ sustainability เน้นไปที่หลัก 3 Rs ได้แก่ Reuse นำกลับมาใช้ซ้ำ Reduce ลดการใช้สิ่งที่ย่อยสลายยากซึ่งอาจกลายเป็นภาระของโลกในระยะยาวนับพันปี เช่น พลาสติก และ Recycle การเปลี่ยนรูปแบบของที่เคยใช้แล้วผ่านกรรมวิธีให้กลับมาใช้งานได้อย่างมีประโยชน์ แต่สำหรับ Regenerative จะให้คุณค่า ใส่ใจทั้งระบบที่เกื้อกูลกันให้กลับมา (Restore) ไม่ใช่แค่ยืดเวลาจากสิ่งที่มีอยู่ให้นานที่สุด แต่มองอย่างสัมพันธ์ และมองไปไกลถึงโลกอนาคต นำความอุดมสมบูรณ์กลับมา ไม่ใช่แค่ลดการใช้ แต่สร้างสิ่งที่เสียไปหรือหายไปให้กลับมาขยายตัวเพิ่ม เป็นโอกาสและทางออกที่สังคมและสิ่งแวดล้อมกำลังต้องการในตอนนี้ เป็นความจริงที่ต้องยอมรับว่าทุกสิ่งทุกอย่างอาจเกิดขึ้นมาและหายไป เมื่อไม่ใช่สิ่งที่จำเป็น แต่เรื่องที่มีคุณค่าที่โดนมองข้าม บางครั้งเพียงแค่หันกลับไปมองและหยิบขึ้นมาเพื่อค้นหาว่าคุณค่าของสิ่งนั้นอยู่ที่ไหน อาจสร้างความมหัศจรรย์ให้กับคนในยุคนี้และยุคต่อไปได้ เฉกเช่นคุณอาจคิดว่าแพลงตอน เป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่หลายคนไม่ได้ให้ความสำคัญจนพบว่าแพลงตอนเหล่านี้มีคุณค่ากับโลกใต้น้ำมากแค่ไหน ถ้าคุณไม่เห็นระบบที่เอื้อและเกื้อกูลต่อกัน คุณจะไม่สามารถฟื้นอะไรขึ้นมาได้จากฐานรากได้เลย เพียงเพราะสิ่งนั้นไม่ได้อยู่ในระบบชีวิตของเรา ก็ไม่ได้แปลว่ามันไม่สำคัญในระบบของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ และโลกด้วย เพราะสุดท้ายแล้วแบรนด์ของคุณจะไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ให้ผู้บริโภคนึกถึง แต่การค้นพบถึงคุณค่าของแบรนด์จากแก่นข้างในสามารถเปลี่ยนโลกของคนทำแบรนด์และผู้คนที่เกี่ยวข้องได้ทั้งหมด รวมทั้งต่อให้เจออีกกี่วิกฤต เราก็จะกลับมาเข้มแข็ง (resilience) และพร้อมจะฟื้นฟูคุณค่าของทุกสิ่งที่สำคัญ ที่สัมพันธ์กับทุกชีวิตและธรรมชาติให้เกิดขึ้นใหม่ได้อย่างงดงามเสมอและตลอดไป”
สำหรับผู้สนใจสามารถซื้อบัตรเข้าร่วมงานได้ที่ www.sbthailand.com หรือติดต่อคุณดรุณี โทร. 081-817-0453 เวลา 09.00 – 18.00 น. ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคม 2566 ราคาบัตรเข้าร่วมทุกกิจกรรม เริ่มต้นที่ 30,000 บาท (EARLY BIRD สำหรับทุกกิจกรรม เพียง 27,000 บาท)
Sustainable Brands
สร้างแบรนด์ให้เติบโตด้วยคุณค่าอย่างยั่งยืน
Sustainable Brands เราคือชุมชนของนักคิด นักสร้างสรรค์ ผู้สร้างแบรนด์จากทั่วโลกที่อยากเปลี่ยนแปลงและสร้างอนาคตในโลกธุรกิจไปด้วยกัน โดยเป็นบริษัทในเครือของ Sustainable Life Media ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2549 เราต้องการสร้างแรงบันดาลใจ สร้างการมีส่วนร่วม และร่วมมือกับภาคธุรกิจในการยกระดับสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยการขับเคลื่อนผ่านนวัตกรรมของแบรนด์ การสร้างคุณค่า และผลลัพธ์ที่สร้างสรรค์ให้เป็นจริงขึ้นมาให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวและระยะสั้น
Sustainable Brands (SB) เป็นแพลตฟอร์มให้ความรู้บนโลกออนไลน์และร่วมพูดคุยในหัวข้อที่น่าสนใจ การจัดการแบรนด์ผ่านกิจกรรมซึ่งเป็นที่รู้จักในระดับโลกและระดับภูมิภาค รวมทั้งสร้างการเรียนรู้ พูดคุยกับชุมชนต่างๆ ตลอดทั้งปี ซึ่งของประเทศไทยนั้น Sustainable Brands Thailand เกิดขึ้นจากการดำเนินการโดย ดร.ศิริกุล เลากัยกุล ในฐานะผู้อำนวยการ นำประสบการณ์การสร้างหลายแบรนด์ดังระดับต้นๆ ของเมืองไทยมาร่วมมือกับ SB Global ทั่วโลกเพื่อหาคำตอบให้กับภาคธุรกิจและแบรนด์ในการสร้างคุณค่าและความยั่งยืนไปถึงผู้บริโภคอย่างแท้จริง
ภารกิจหลักที่สำคัญของ SB Thailand จึงเป็นการเชื่อมโยงนักสร้างแบรนด์ นักธุรกิจ องค์กรต่างๆ และผู้ที่สนใจในการสร้างสังคมที่ยั่งยืนได้ร่วมกันกำหนดแนวทางตามแนวคิดและหัวข้อที่กำลังเป็นที่สนใจในกระแสโลกของทุกปี ซึ่งมีไฮไลท์อย่างงานประชุมนานาชาติร่วมกับ SB ประเทศต่างๆ ให้ผู้ที่เข้าร่วมได้เรียนรู้จากนักสร้างแบรนด์ นักสร้างกลยุทธ์ ผู้นำทางความคิดด้านความยั่งยืนระดับโลก สรุปออกมาเป็นเครื่องมือสำหรับแบรนด์นำไปประยุกต์ใช้อย่างมีจุดหมายที่ชัดเจน เปลี่ยนแปลงผู้คน สังคม สิ่งแวดล้อมและโลกได้อย่างยั่งยืนต่อไป


More Stories
“Super AI Engineer: The 5th National AI Exhibition” รวมพลังคนไทยด้านปัญญาประดิษฐ์ครั้งใหญ่ ฉลอง 5 ปีโครงการ Super AI Engineer และ 10 ปี สมาคม AIAT
ไต้หวัน เปิดตัว 21 ผู้เข้ารอบในแคมเปญ “2025 Go Healthy with Taiwan” พร้อมเผยไอเดียนวัตกรรมสุขภาพระดับโลก
เอ็นไลท์ โพรไวเดอร์ ผู้นำตลาดแปรรูปผลไม้ โชว์ผลงานความสำเร็จคว้ารางวัล The Viral Hits Thailand Spotlight Awards 2025 ในสาขาธุรกิจยอดเยี่ยม