องค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกและผลิต นำผู้ประกอบการ SMEs กว่า 16 แบรนด์ตีตลาดตุรกี เสริมทัพความรู้-ช่องทางส่งออก เล็งร่วมสร้าง ‘ตลาดไทย’ ในเมืองท่องเที่ยวเพื่อวางจำหน่ายสินค้าอย่างยั่งยืนและขยายตลาดส่งออกต่อไป
วันที่ 16 มิถุนายน 2565 องค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย จัดการนำเสนอส่งออกสินค้าจำหน่ายไปยังประเทศตุรกี ณ ห้องประชุม 3 ชั้น 2 สำนักงานใหญ่องค์การตลาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นการสานนโยบาย กระทรวงมหาดไทย ส่งเสริมเศรษฐกิจฉายรากสร้างงานสร้างอาชีพในการเพิ่มมูลค่าการส่งออกจากโครงการ “ของถูกขายฟรี ของดีพาส่งออก (AORTOR Global Marketing)”

นายวิทยา ทรัพย์เย็น รองผู้อำนวยการองค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย เปิดงานผ่านระบบซูม ชี้ว่าประเทศไทยมีสินค้าที่มีคุณาพมากมาย โดยเฉพาะสินค้าแปรรูปเกษตร สินค้าชุมชนและ OTOP ซึ่งผสานด้วยเอกลักษณ์ของความเป็นไทยและมีคุณภาพทัดเทียมนานาชาติ เป็นโอกาสอันดีที่จะหาช่องทางในการส่งออกเพื่อสร้างชื่อเสียงและรายได้เข้าประเทศ ซึ่งองค์การตลาดได้มีโครงการ “ของถูกขายดี ของดีราคาส่งออก” ผสานกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ-เอกชน อาทิ NIA สมาคมส่งออก เพื่อสานการค้าและขยายโอกาสในการลงทุน
ภายในงานประกอบด้วยการพบปะกันระหว่างผู้ประกอบการ สมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิตไทย และหอการค้าตุรกี และนำเสนอสินค้าตัวอย่างหลากหลายประเภท เช่น ผลิตภัณฑ์กัญชา ยาสีฟันสมุนไพร น้ำปลาร้าผง อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์จากยางพารา เป็นต้น จากผู้ผลิตที่ร่วมโครงการรวม 16 บริษัท ซึ่งผู้ประกอบการมีส่วนร่วมในการนำเสนอสินค้าแก่สภาหอการค้าไทย-ตุรกี โดยมีนายฮาซัน เดวิซี เป็นตัวแทนจากหอการค้าฯ และมี อ.ดวงดารันย์ อยู่สวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญร่วมดูแลและแนะนำการนำเสนอ

กิตติพันธ์ มูลศรีชัย นายกสมาคมผู้ส่งออกและผู้ผลิต กล่าวว่าในครั้งนี้เป็นการจัดการนำเสนอสินค้าผ่าน Zoom เพื่อเสนอแก่หอการค้าไทย-ตุรกี เนื่องจากมีแผนในการจัดงานแสดงสินค้าในตุรกีช่วงปลายปี 2565 โดยได้รับความร่วมมือจากสถานเอกอัครราชทูตไทยในตุรกีร่วมด้วย ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับการเบิกทางเข้าสู่กระบวนการรัยรองภายในประเทศ ภายใต้สภาหอการค้าในประเทศไทย โดยในครั้งนี้ตั้งใจขับเน้น SMEs เพื่อช่วยเหลือผู้ค้ารายย่อย เน้นกลุ่มสินค้าอาหารแปรรูป เกษตรแปรรูป เครื่องสำอางค์ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เป็นต้นเพื่อเป็นสินค้าหลักในการเปิดตลาดก่อนขยายพื้นที่ให้สินค้าอื่น
ด้านตัวแทนจากสภาหอการค้าตุรกี-ไทย นำโดยนายฮาซัน เดวิซี กล่าวถึงโอกาสการเปิดตลาดสินค้าไทยในตุรกีผ่านงานจัดแสดงสินค้า โดยวางไว้ว่าจะจัดในพื้นที่เมืองเมืองโบดรุม (Bodrum) อันเป็นเมืองท่องเที่ยวคล้ายภูเก็ตของไทย มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยม เป็นเมืองชายหาดและพื้นที่โดยรอบเป็นทะเล มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ได้แก่โรงละครเก่าอายุมากกว่า 3,000 ปี มีแหล่งท่องเที่ยวและย่านธุรกิจ และมีนักท่องเที่ยวเป็นชาวต่างชาติมา 3 ล้านคนในช่วงฤดูร้อน

ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา ตุรกีนำเข้าสินค้าไทยมูลค่าเฉลี่ยปีละ 1,044.07 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยนับเป็นตลาดส่งออกลำดับ 32 ของไทย และอนดับ 3 ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ตุรกีถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ มีประชากรราว 83 ล้านคน ที่ตั้งทางยุทธศาสตร์เหมาะเป็นจุดเชื่อมต่อหลายภูมิภาคเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเอเชีย ยุโรปและแอฟริกาเหนือ
ขณะที่ภาคธุรกิจในตุรกีจ่อประสานร่วมมือกับภาครัฐ-เอกชนไทย เปิดพื้นที่ ‘ไทยมาร์ท’ ที่กำลังดำเนินการก่อสร้าง เล็งเป็นพื้นที่ขายสินค้าที่มาจากประเทศไทย และเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการวางจำหน่ายได้ตามกระบวนการอย่างถูกกฎหมายเพื่อหาโอกาสในการขยายตลาดต่อไป

ศุภาโชติ มะหลีแก้ว เลขานุการองค์การตลาดให้สัมภาษณ์ว่า งาน Business Matching ในลักษณะนี้จัดขึ้นมาแล้ว 4 ครั้ง ผลตอบรับครั้งที่ผ่าน ๆ มานับว่าค่อนข้างดี ผู้ประกอบการณ์มีความสนใจเนื่องจากนำวิทยากรมาให้ความรู้เรื่องการส่งออกประเภทสินค้าต่าง ๆ เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยที่ยังไม่เคยมีโอกาสนำสินค้าไปต่างประเทศ
“เรามีการเก็บข้อมูลของผู้ประกอบการทุกครั้งที่มีการจัดโครงการ มีการประเมินความพึงพอใจ เท่าที่สำรวจพบว่าผู้ประกอบการมีความสนใจในทุกพื้นที่ มีการลงทะเบียนผู้ประกอบการให้ผู้ที่มีความสนใจมาเข้าร่วมโครงการกว่า 500 ราย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณาพ วันนี้เป็นการต่อยอดจากการสัมมนาให้ความรู้ มีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมลงทะเบียนจำนวน 16 ราย นำเสนอสินค้าให้ผู้ประกอบการตุรกีดูศักยภาพของสินค้าและหารือกันเรื่องข้อกฎหมายเพื่อเดินหน้านำเข้าไปในตุรกีต่อไป”
เมื่อลงทะเบียนกับองค์การตลาดแล้ว ผู้เข้าร่วมจะได้โอกาสในการเข้าสัมมนาเพิ่มพูนความรู้ ร่วมส่งสินค้าเข้าคัดเลือกเพื่อนำไปแสดงสินค้ายังตลาดต่างประเทศ ต่อยอดในการทำ Business Matching และพบปะผู้ส่งออกและผู้ทำการตลาดระหว่างประเทศ เพื่อเปิดประตูสู่การค้าในระดับนานาชาติต่อไป

“องค์การตลาดเดินหน้าทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงผู้ประกอบการและผู้ส่งออกเข้าด้วยกันเพื่อเสริมสร้างสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการ และจะเดินหน้าจัดโครงการนี้ให้ครอบคลุมทุกภาคในประเทษไทยเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการในอนาคต” ศุภาโชติ มะหลีแก้ว เลขานุการองค์การตลาด กล่าว
More Stories
สุดล้ำ!! HONOR Magic7 Pro 5G สมาร์ตโฟนเรือธงพร้อมพลัง AI เหนือชั้น กล้องโหด สเปคจัดเต็ม เปิดตัวในราคาเพียง 35,990
ซิมเปิ้ลอินเทอร์เน็ตเปิดตัวแอปพลิเคชันใหม่ พร็อพเพอร์ตี้ฮับ (Propertyhub) เพื่อธุรกิจ “อสังหาริมทรัพย์” ทั่วไทย
Rado True Round Open Heart กุหลาบ ความรัก และ Rado