ดิ เออร์เบิน ออฟฟิศ (The Urban Office) โคเวิร์กกิ้งสเปซสัญชาติไทย ได้เปิดตัวโคเวิร์กกิ้งสเปซแบบไฮบริดเป็นแห่งที่ 3 ณ โครงการ Summer Point ในย่านพระโขนง การขยายสาขาแห่งใหม่ล่าสุดนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ The Urban Office ได้รับการโหวตให้เป็น Best Coworking Space Startup in Thailand 2019 จาก ASEAN Rice Bowl Startup Awards และมีลูกค้าให้ความสนใจจองพื้นที่เป็นจำนวนมาก ทั้งสาขาแรกที่อาคารเมโทรโพลิส ย่านพร้อมพงษ์ และสาขาที่ 2 ที่อาคารเมืองไทยภัทรคอมเพล็กซ์ ถนนรัชดาภิเษก
โดยโคเวิร์กกิ้งสเปซแบบไฮบริดนี้ คือการจัดสรรสถานที่ให้ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย เลือกรูปแบบได้ครบทุกความต้องการ ให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด มอบความยืดหยุ่นในการปรับขนาดทีมได้เมื่อจำเป็น การดูแลบริหารจัดการเต็มรูปแบบ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ห้องครัว ห้องประชุม หรือ ห้องโทรศัพท์ ด้วยข้อได้เปรียบเหล่านี้ ลูกค้าจึงสามารถมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของบริษัทหรือธุรกิจของตน โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการจัดการสำนักงานใด ๆ
The Urban Office สาขาที่ 3 นี้ เป็นโคเวิร์กกิ้งสเปซที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย บนพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่กว่า 2,000 ตร.ม. โดดเด่นด้วยโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายระดับองค์กร พร้อมด้วยคาเฟ่ และพื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ ประหนึ่งโอเอซิสในที่ทำงาน นอกเหนือจากการเป็นโซลูชันพื้นที่ทำงานที่ใหญ่ที่สุดในเขตพระโขนงแล้ว ที่นี่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหนือกว่า โซนที่นั่งสำหรับพักผ่อนจำนวนมาก ห้องสมุด ตลอดจนระเบียงโซนเอาท์ดอร์ ที่สวยงามและกว้างขวาง เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวเพื่อการผ่อนคลาย
คุณทริน แดนห์ ผู้บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง The Urban Office กล่าวว่า “เรามีความภาคภูมิใจที่ได้ขยายแบรนด์โคเวิร์กกิ้งสเปซสัญชาติไทยระดับพรีเมี่ยม ด้วยการเปิดสาขาที่ 3 ของเรา ที่โครงการ Summer Point พระโขนง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ของไทย เราเชื่อว่าวิธีการทำงานของเราต้องพัฒนาไปให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ของคนยุคปัจจุบัน โคเวิร์กกิ้งสเปซไม่ได้เป็นเพียงแค่ออฟฟิศสำหรับทำงาน แต่เป็นสถานที่ที่ผู้คนและไอเดียอันน่าทึ่งได้มาพบกัน กว่าไอเดียที่ยอดเยี่ยมจะเกิดขึ้น ต้องอาศัยเวลา ชุมชนที่สร้างสรรค์ และสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้คนสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ดีที่สุด”
ในขณะที่ผู้เล่นรายอื่นในอุตสาหกรรมมุ่งเน้นไปที่การออกแบบกิจกรรมและพื้นที่ทำงานร่วมกันเป็นหลัก The Urban Office ได้ก้าวไปอีกขั้น โดยนำเสนอพื้นที่การทำงานที่มีอุปกรณ์ครบครันและหลากหลายที่สุดให้แก่ลูกค้า
The Urban Office ช่วยให้ลูกค้าสามารถทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลา พร้อมสนับสนุนเครื่องมือเพื่อชีวิตการทำงานที่ยืดหยุ่นและความคล่องตัวที่สมบูรณ์แบบ พื้นที่ทำงานของ The Urban Office ไม่ได้ออกแบบมาแค่เพื่อให้มีลูกค้ามีบรรยากาศการทำงานที่ดี แต่ยังมีโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายขั้นสูง แบบที่องค์กรชั้นนำเลือกใช้ เพื่อรองรับให้เพียงพอต่อความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อ WIFI ที่ปลอดภัยและมีความเร็วสูง และบริการ VOIP Telephony โดยไม่ว่าจะเป็นลูกค้าระดับบุคคล หรือธุรกิจทุกขนาด ก็สามารถเติบโตและปรับเปลี่ยนการเชื่อมต่อแบบดิจิทัลอย่างไร้รอยต่อ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
“ที่ The Urban Office เราพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าของเรา โคเวิร์กกิ้งสเปซของเราไม่ใช่เพียงแค่สิ่งก่อสร้าง แต่เป็นพื้นที่สำหรับคอมมูนิตี้และความคิดสร้างสรรค์ ในขณะที่เราเป็นส่วนช่วยสนับสนุนธุรกิจหลากหลายขนาดให้เติบโต เราก็ยังให้คุณค่าและความสำคัญต่อคุณภาพชีวิตของผู้คนไปพร้อมๆ กัน และในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ เราจะมีบริการพิเศษใหม่ล่าสุดที่ไม่เคยมีโคเวิร์กกิ้งสเปซที่ไหนทำมาก่อน” คุณทริน แดนห์ กล่าวทิ้งท้าย
More Stories
ยาดมตราโป๊ยเซียน เปลี่ยนพลาสติกเป็นถนน UPCYCLING ลดปัญหาพลาสติกสะสมในประเทศ เพื่อประโยชน์อย่างยั่งยืนของคนไทย
หลังคาไวนิลท้องเรียบ กันความร้อนได้ไหม
เอสซีจี คว้า 5 รางวัลงาน TMA Excellence Awards 2024 โดดเด่นด้านผู้นำ พัฒนาคนธุรกิจเติบโตยั่งยืนด้วยนวัตกรรมกรีน ปรับองค์กรคล่องตัวยิ่งขึ้นรับทุกความท้าทายโลก