จีไอเอส ลุยต่อยอดความสำเร็จของ NOSTRA LOGISTICS ดันเกม ‘ลดต้นทุน 15%’ ต่อปี ผ่าน TMS Platform กับ ePOD ที่ยกระดับทำงานได้ทั้งระบบ ตั้งแต่การวางแผนการใช้รถและเส้นทาง ติดตามสถานะการจัดส่งแบบเรียลไทม์ ไปจนถึงส่งมอบสินค้า เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยก้าวข้าม Data-Driven Logistics รับมือความท้าทายด้านต้นทุนทุกมิติ และ ESG แบบครบวงจร ต่อยอดสร้างความต้องการใช้เทคโนโลยีให้กลุ่มธุรกิจสินค้าและโลจิสติกส์กว่า 300 รายทั่วประเทศ สู่ Intelligent Supply Chain ยกระดับการตัดสินใจอย่างแม่นยำ คุ้มค่า ตอกย้ำการเป็นผู้นำแพลตฟอร์มเทคโนโลยีขนส่งโลจิสติกส์ของไทย
บริษัท จีไอเอส จำกัด ผู้นำด้านระบบภูมิสารสนเทศแบบครบวงจร ในกลุ่มบริษัท ซีดีจี เดินหน้าสานต่อความสำเร็จของธุรกิจ NOSTRA LOGISTICS ด้วยการต่อยอดกลยุทธ์ “ลดต้นทุน” การขนส่งที่ได้มากกว่า 15% ต่อปี ผ่าน NOSTRA LOGISTICS TMS Platform โซลูชันอัจฉริยะที่เพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการของภาคโลจิสติกส์ในทุกมิติ ลุยแก้เกมปัญหาค่าใช้จ่าย บริหารเวลา และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ทำงานเคียงข้างพันธมิตรเพื่อวิเคราะห์และพัฒนาแนวทางการบริหารขนส่งที่ตอบโจทย์จริงของแต่ละธุรกิจ หลังได้รับความสนใจจากกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์กว่า 300 รายตลอดปี 2568
จุดต่างที่ทำให้ NOSTRA LOGISTICS ยืนหนึ่งเป็นผู้นำด้านแพลตฟอร์มเทคโนโลยีขนส่งโลจิสติกส์ของไทยนั้น คือการนำระบบบริหารจัดการขนส่ง TMS (Transportation Management System) ทำงานร่วมกับโมบายแอปพลิเคชันสำหรับติดตามด้วยมือถือ ePOD (Electronic Proof of Delivery) ลดต้นทุนค่าฮาร์ดแวร์ ยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน ตั้งแต่การจัดรถ การวางแผนเส้นทาง การจัดรอบวิ่งรถ ไปจนถึงการติดตามสถานะการจัดส่งและปิดงานพร้อมหลักฐานการจัดส่งแบบเรียลไทม์ ช่วยลดเวลาการวางแผน ลดรอบวิ่งรถที่ซ้ำซ้อน เพิ่มความแม่นยำในการส่งมอบสินค้า (On-Time Delivery) ที่สำคัญคือสามารถพัฒนาระบบให้เข้ากับกระบวนการทางธุรกิจของพันธมิตรเพื่อตอบโจทย์การทำงานอย่างสมบูรณ์ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารต้นทุนในแต่ละขั้นตอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะท้อนถึงการเติบโตของเทคโนโลยีนี้อย่างต่อเนื่อง และสร้างความต้องการให้หลายอุตสาหกรรม ครอบคลุมตั้งแต่
- กลุ่มผู้ผลิตสินค้าและโรงงานอุตสาหกรรม (Manufacturing) ที่ต้องบริหารการขนส่งวัตถุดิบเข้าสู่สายการผลิต และการกระจายสินค้าส่งออก โดยใช้ TMS เพื่อปรับรอบวิ่งรถ ลดเวลาจุดรอคิว และเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างโรงงาน คลัง กับคู่ค้าขนส่ง
- ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ที่มีเส้นทางและจุดจัดส่งจำนวนมาก ทั้งส่งไปคลัง ส่งไปตามจุดค้าปลีก หรือส่งตรงลูกค้า ตามรายการสั่งซื้อ สามารถใช้ระบบวางแผนเส้นทางที่เหมาะสมที่สุด (Route Optimization) เพื่อลดเวลาการวางแผน ลดต้นทุนที่เกิดจากจำนวนรอบวิ่งและการจัดรถที่เหมาะสม ลดการใช้พลังงาน
- ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ที่จุดส่งจะมีการปรับเปลี่ยนตามคำสั่งซื้อ หรือต้องควบคุมอุณหภูมิระหว่างการขนส่ง โดยสามารถใช้งานร่วมกับ ePOD เพื่อติดตามการส่งมอบแบบเรียลไทม์
ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้รับจ้างขนส่ง (2PL) และ ผู้รับจ้างช่วงงานขนส่ง (Subcontractor) ก็ได้รับประโยชน์จากระบบนี้เช่นกัน โดยเฉพาะธุรกิจที่มีงานขนส่งล้นมือแต่ไม่ต้องการเพิ่มต้นทุนการซื้อรถใหม่ ระบบ TMS ช่วยให้สามารถบริหารฟลีทรถทั้งของบริษัทเองและรถรับจ้างขนส่ง วางคิวงาน และติดตามผู้รับจ้างขนส่ง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระด้านเอกสารและการจัดการภายใน ทั้งยังสะดวกในการจัดการงบประมาณและต้นทุนที่เกิดจากการขนส่งและการจ่ายเงินสำหรับรถรับจ้างขนส่ง พร้อมเพิ่มความยืดหยุ่นในการรับงานใหม่ได้ต่อเนื่อง

ดร.ธนพร ฐิติสวัสดิ์ ประธานบริษัท จีไอเอส จำกัด เปิดเผยว่า “ตัวเลขความสำเร็จต่าง ๆ สะท้อน
ว่า TMS Platform ของเราได้กลายเป็นโซลูชันที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วนในห่วงโซ่โลจิสติกส์เข้าด้วยกัน ทั้งผู้ขนส่ง ผู้ผลิต และคู่ค้าธุรกิจ ให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สร้างความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจในระยะยาว เทคโนโลยีเชิงพื้นที่อัจฉริยะจึงมีบทบาทสำคัญ เราเห็นการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมที่ชัดเจนทั้งการปรับใช้งานที่มากกว่าเครื่องมือติดตาม เป็นระบบกลางที่ช่วยให้สามารถบริหารต้นทุน วางแผนและตัดสินใจจากข้อมูลจริงได้อย่างแม่นยำ”
ปี 2025–2026 คือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทยและโลก ท่ามกลางการแข่งขัน
E-Commerce และบริการขนส่ง Last Mile หรือการจัดส่งสุดท้ายถึงมือผู้บริโภค ที่ทวีความเข้มข้นมากขึ้น
ขณะที่ต้นทุนพลังงานยังทรงตัวในระดับสูง พร้อมแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อมและมาตรฐาน ESG ที่บีบให้องค์กรต้องบริหาร “ต้นทุนสิ่งแวดล้อม” อย่างเป็นระบบ รวมถึงความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้ห่วงโซ่อุปทานต้องปรับเส้นทางการค้าใหม่
ในมุมของภาคธุรกิจ ดร.ธนพร ชี้ว่า “ปัจจัยเหล่านี้ทำให้องค์กรต่าง ๆ ต้องพิสูจน์ ROI ของการดำเนินงานที่จับต้องได้ และหันมาใช้ ‘ข้อมูลจริง’ เป็นฐานของบริหารจัดการ และตัดสินใจ เพราะในยุคที่ต้นทุนแรงงานและพลังงานผันผวน การวางแผนแบบแมนนวลที่อิงจากประสบการณ์เฉพาะบุคคลไม่เพียงพออีกต่อไป เทคโนโลยีเชิงพื้นที่อัจฉริยะจึงมีบทบาทสำคัญที่บูรณาการ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ แรงกดดันเหล่านี้ทำให้องค์กรเริ่มมองว่าข้อมูลคือสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ที่ต้องถูกนำมาใช้ เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตในตลาดที่แข่งขันสูงขึ้นทุกวัน”

ทิศทางของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ทั่วโลกกำลังเคลื่อนสู่ยุคของ Data-Driven & Intelligent Supply Chain อย่างเต็มตัว ตามรายงานของ Gartner ชี้ว่า องค์กรชั้นนำทั่วโลกต่างเร่งลงทุนในเทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลและระบบอัตโนมัติขั้นสูง เพื่อเชื่อมโยงการทำงานระหว่างคน กระบวนการ และข้อมูลเข้าด้วยกัน โดยพบว่าปัจจัยสำคัญไม่ใช่เพียงการใช้เทคโนโลยี แต่คือการมี ‘พันธมิตรเชิงกลยุทธ์’ ที่เข้าใจทั้งระบบธุรกิจและโครงสร้างข้อมูล ช่วยให้การเปลี่ยนผ่านเกิดขึ้นได้จริงในทุกระดับขององค์กร”
“เสียงสะท้อนจากพันธมิตร รวมถึงเทรนด์ตลาดโลก สะท้อนว่าการเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยีอัจฉริยะจะเกิดขึ้นได้จริง ก็ต่อเมื่อเทคโนโลยีถูกเชื่อมโยงกับความเข้าใจธุรกิจ เพราะแค่เครื่องมือใหม่ไม่พอ แต่ต้องเข้าใจระบบธุรกิจอย่างลึกซึ้ง ด้วยประสบการณ์ด้านโลจิสติกส์ไอทีกว่า 20 ปี NOSTRA LOGISTICS เราพร้อมก้าวสู่บทบาท ‘Intelligent Consulting Partner’ ที่จะช่วยให้องค์กรไทยบริหารจัดการขนส่งได้อย่างแม่นยำ ยั่งยืน และเติบโตบนพื้นฐานของข้อมูลจริง” ประธาน บริษัท จีไอเอส กล่าวปิดท้าย


More Stories
กระทรวงพาณิชย์ ผนึก เซเว่นฯ เปิดช่องทางจำหน่าย! สร้างโอกาสเกษตรกรไทย ดันผลผลิตทางการเกษตร ‘200 ล้านชิ้น’ สู่ผู้บริโภคทั่วประเทศ
สคส.สั่งระงับและให้ลบข้อมูล 1.2 ล้านราย เคสสแกนม่านตาแลกเหรียญไม่ถูกหลัก PDPA พร้อมส่ง DSI ขยายผล
เซ็นทารา และ NUO International ผนึกกำลังเชิงกลยุทธ์ เดินหน้าขยายธุรกิจสู่เวทีโลก