“เมดิเซเลส” แจงปมความซับซ้อนคดีความฟ้องร้องระหว่างเมดิท็อกซ์และแดวูง จากกรณีการยักยอกความลับทางการค้าของบริษัทฯ ประกาศพร้อมกลับสู่ตลาด เพื่อทวงคืนตำแหน่ง ‘แบรนด์โบท็อกซ์เกาหลีอันดับ 1 ในเมืองไทย’
กรุงเทพมหานคร, สิงหาคม 2566 – “บริษัท เมดิเซเลส จำกัด” เป็นกิจการร่วมทุนระหว่างบริษัท เซเลส (ประเทศไทย) จำกัด และ เมดิท็อกซ์ อิงค์ ผู้ผลิตยาโบทูไลนุ่ม ท็อกซิน มาตรฐานสูงอันดับหนึ่งจากประเทศเกาหลี อีกทั้งยังเป็นผู้นำเข้าและเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายที่ถูกต้องแต่เพียงผู้เดียวของบริษัท เมดิเซเลส จำกัด จัดงาน MEDYCELES 360 – The Ultimate ONE-STOP TRAINING for Comprehensive Aesthetics Procedures ณ โรงแรม สยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ
นายสุรวุฒิ วูวงศ์ ผู้บริหารสูงสุด บริษัท เมดิเซเลส จำกัด ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดเผยถึงเหตุผลที่ “Neuronox” โบท็อกซ์อันดับหนึ่งหายไปจากตลาดในเมืองไทยนานเกือบ 3 ปี เนื่องจาก การโจมตีทางการค้าเมื่อปี 2012 ว่า Neuronox ได้เปลี่ยนสารตั้งต้นโดยไม่ได้แจ้งให้องค์การอาหารและยาทราบก่อน แต่หลังจากพิจารณายื่นเอกสารทั้งหมดศาลแขวงประเทศเกาหลีได้ยกคำฟ้องทั้งหมด ทำให้ Neuronox กลีบมาอีกครั้งหลังจากหายไปนานถึง 3 ปี
ขณะเดียวกันในปี 2017 บริษัท เมดิท็อกซ์ ผู้ผลิตสินค้าโบทอกซ์ยี่ห้อ Neuronox ได้มีการฟ้องร้องคดีไปที่ศาลแขวงของเกาหลีใต้และคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ USITC ว่า บริษัท แดวูง ได้มีการส่งนักวิจัยเข้าไปขโมยสายพันธุ์ Hall A Hyper ถึงห้องทดลองยา
“ในที่สุด “เมดิท็อกซ์” เป็นผู้ชนะคดี โดยศาลแขวงกลางของกรุงโซลได้สั่งให้ ”แดวูง” เปลี่ยนสายพันธุ์โบท็อกซ์ และทิ้งผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์ทั้งแบบสำเร็จรูป และกึ่งสำเร็จรูปทั้งหมดที่ผลิตจากสายพันธุ์นี้ พร้อมทั้งจ่ายค่าชดเชยความเสียหายให้กับเมดิท็อกซ์มูลค่า 4 หมื่นล้านวอน หรือราว 1 พันล้านบาท จากการละเมิดความลับทางการค้าของคู่แข่ง ขณะเดียวกันในเดือนธันวาคมปี 2020 คณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USITC) ยังสั่งห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์ของ”แดวูง” เป็นเวลา 21 เดือนไปยังสหรัฐอเมริกา”
ในช่วงระหว่างเกิดคดีความ บริษัทคู่แข่งได้แจ้งข้อกล่าวหาไปทาง อย. เกาหลีว่า ”เมดิท็อกซ์” ได้เปลี่ยนแปลงสารสำคัญในยาเมื่อปี 2008 ทางอย. ประเทศไทย มีความเห็นว่าเป็นความผิดขั้นรุนแรง เพราะการเปลี่ยนแปลงสารสำคัญที่ใช้ในการผลิตต้องแจ้งก่อน ในปี 2020 ทาง อย. จึงออกจดหมายมาที่บริษัท 3 ฉบับ ฉบับแรก ห้ามนำเข้าและจัดจำหน่าย ฉบับที่สอง ขอตัวอย่างไปวิเคราะห์ และ ฉบับสุดท้ายคือให้เรียกคืนสินค้าทั้งหมด โดยภายหลังจากที่ อย. เกาหลีได้ยกฟ้องข้อกล่าวหาทั้งหมดหลังจากใช้เวลา 6 เดือนในการตรวจสอบ” และเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2023 อย. ประเทศไทยได้คืนใบอนุญาตการนำเข้า Neuronox และอนุญาตให้บริษัท เมดิเซเลส นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าได้ตามปกติ ซึ่งขั้นตอนที่ทำให้ Neuronox กลับเข้าสู่ตลาดในเมืองไทยล่าช้าอยู่ที่การขึ้นทะเบียนใหม่ เนื่องจากทางบริษัทฯดำเนินการตามขั้นตอน
“ เราไม่นำเข้าสินค้าและส่งตัวอย่างไปวิเคราะห์ รวมถึงเรียกคืนสินค้าทันทีกว่า 700 ราย มูลค่าสินค้ากว่า 110 ล้านบาท และเผาทำลายสต็อกสินค้าทั้งหมดมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท สำเร็จภายใน 30 วันทำการ ยิ่งไปกว่านั้น จะมีการบรรจุ Neuronox เข้าสู่วาระการประชุมคณะกรรมการยา หากถูกยกเลิกทะเบียนจะไม่สามารถใช้ชื่อการค้าที่สร้างมาตั้งแต่ปี 2008 ได้ จึงตัดสินใจคืนใบอนุญาตและขึ้นทะเบียนยาใหม่ โดยสามารถใช้เอกสารเดิม 100% ขั้นตอนที่ว่านี้กินเวลาไปกว่า 18 เดือน”
นายสุรวุฒิ วูวงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เมดิเซเลส” มีความพร้อมทวงคืนตำแหน่ง ผู้นำตลาด ‘แบรนด์โบท็อกซ์เกาหลีอันดับ 1 ในเมืองไทย’ ด้วยสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานด้วยสายพันธุ์ออริจินอลเทียบเท่ากับแบรนด์ต้นตำรับแต่มีราคาที่คุ้มค่ากว่าหลายเท่า และบริษัทมีแผนจะต่อยอดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญและงานวิจัยของทีม เพื่อตอบสนองตลาดที่ต้องการยาที่มีนวัตกรรมดียิ่งขึ้น เนื่องจากแนวโน้มอุตสาหกรรมความงามด้วยแพทย์ ถือเป็นอุตสาหกรรมที่ยังไปได้ดี เป็นตลาดขนาดใหญ่ มีการแข่งขันสูง เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ล้วนให้ความสนใจเรื่องการปรับรูปหน้าซึ่งเป็นปัจจัยบวกให้กับยอดขายของบริษัท จึงมีโอกาสอีกมากที่ธุรกิจจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 50% ต่อปี
สำหรับกลยุทธ์เพื่อชิงส่วนแบ่งทางการตลาด “เมดิเซเลส” ให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ให้กับแพทย์ ด้วยการจัดอบรม การให้ความรู้เชิงปฏิบัติ เปิดเวทีสัมมนา การจัดเวิร์กชอปพัฒนาองค์ความรู้และทักษะการใช้ผลิตภัณฑ์แบบไร้ผลข้างเคียง เพื่อผู้บริโภคและตลาดเกิดความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ การสร้างการรับรู้ในตราสินค้า ผ่านช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์ การโฟกัสฐานลูกค้าเดิม เนื่องจากคุ้นเคยกับตัวสินค้าเป็นอย่างดี และสร้างฐานลูกค้าใหม่ ด้วยการใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้น และให้ความรู้คนไข้ในการตรวจสอบยาจริงยาปลอมเพื่อให้คนไข้มีความรู้ในการใช้สินค้ามากขึ้น ถือเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ ตอกย้ำผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ยาความงามจากเกาหลีตัวจริง
โดยบริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตถึง 50 % โดยมียอดขาย 600 ล้านบาทในปีนี้ สำหรับในปี 2022 รายได้อยู่ที่ 400 ล้านบาท เนื่องจากอยู่ในช่วง “Neuronox” ที่มีส่วนแบ่งทางการ 40 % หายไปจากตลาด ส่วนผลิตภัณฑ์ “ฟิลเลอร์นิวรามิส” ที่เป็นผลิตภัณฑ์รองของบริษัท ซึ่งในช่วงที่สินค้า Neuronox หายไปถึง 3 ปี บริษัทได้ผลักดันฟิลเลอร์นิวรามิสขึ้นมาเป็นแบรนด์ฟิลเลอร์เกาหลียอดขายอันดับ 1 ในเวลาเพียง 3 ปี โดยอัตราการเติบโตธุรกิจเฉพาะส่วนของฟิลเลอร์นิวรามิสในประเทศไทย ปี 2021 เปรียบเทียบปี 2020 อยู่ที่ 30% สำหรับในปี 2022 นี้ มีการเติบโตเป็นอัตรา 60% และคาดว่าปี 2023 จะมีการเติบโตเป็นอัตรา 20%
นอกจากนี้ “เมดิเซเลส”ยังมีการนำเสนองานวิจัยทางการแพทย์ที่ทำในประเทศไทย โดยทำวิจัยเกี่ยวกับ “Neuronox” ทั้งด้านความงามและที่เกี่ยวข้องกับโรคคอบิดและโรคกล้ามเนื้อกระตุก เพราะต้องการผลักดันให้นำสารตัวนี้เข้าไปใช้ในบัญชียาหลัก เพื่อตอบจุดมุ่งหมายที่ต้องการนำสารนี้เข้ามาเพื่อรักษาโรคดังกล่าว
ล่าสุดบริษัท เมดิเซเลส จำกัด ได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัท ศิริราชวิทยวิจัย จำกัด ในงานวิจัย การใช้นิวรามิสเพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีริ้วรอยบริเวณริมฝีปากและรอบปาก เพื่อศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยเพื่อให้แพทย์ผู้ทำหัตถการมีความมั่นใจในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์นิวรามิสสำหรับริมฝีปากในคนไทย เนื่องจากได้เห็นความสำคัญของการมีตัวเลือกผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพและราคาที่จับต้องได้ภายในประเทศไทย ซึ่งเป็นหลักมั่นที่ทางบริษัทฯ ยึดถือมาโดยตลอดคือต้องการให้คนไทยเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยใช้ในการการปรับรูปหน้า เสริมเติมร่องลึกของใบหน้าที่เกิดจากวัย แต่เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาการใช้ฟิลเลอร์ในการรักษาริ้วรอยบริเวณริมฝีปากและรอบปากในประเทศไทย จึงเป็นที่มาของงานวิจัยร่วมกับศิริราชวิทยวิจัยในครั้งนี้ ในหัวข้อ “A Single-center, Randomnized, Evaluator-blinded, Active-controlled, Study to evaluate the effectiveness and Safety of Neuramis®deep for correcting in Patients with lip and perioral wrinkles.” เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดให้แก่คนไข้ทุกคน
และเนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมา มีการนำเข้าสินค้าอย่างผิดกฎหมาย การละเมิดเครื่องหมายการค้า และการปลอมแปลงผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ตัวยา จึงควรสังเกตจุดวิธีตรวจสอบดังนี้
• ใบ Certificate ที่บริษัทฯ มอบให้คลินิกที่ผ่านการอบรมเพื่อ ยืนยันว่าคลินิกหรือสถานพยาบาลนั้น ได้ซื้อสินค้าจากเมดิเซเลส ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้า Neuramis ฟิลเลอร์อย่างถูกต้องตามกฎหมายแต่เพียงผู้เดียวในประทศไทย
• สแกน QR code บนกล่องบรรจุภัณฑ์ ซึ่งภายในจะแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์ทั้งรุ่นผลิต วันเดือนปีที่หมดอายุ และข้อความยืนยันว่าคลินิกหรือแพทย์ท่านนั้นได้ซื้อผ่าน เมดิเซเลส ที่เป็นผู้ได้รับอนุญาตนำเข้าและจัดหน่ายอย่างถูกต้องในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
• Security sticker บนกล่องบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้รับบริการว่าเป็นสินค้าใหม่ ยังไม่ผ่านการเปิดใช้ และยังป้องกันการปลอมแปลงสินค้าโดยใช้กล่องเดิม
• บรรจุภัณฑ์ ต้องมีฉลากกำกับเครื่องมือแพทย์ภาษาไทย และเลขทะเบียนเครื่องมือแพทย์ ตามที่ อย.กำหนดไว้
ทั้งนี้ บริษัท เมดิเซเลส ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนข้ามชาติระหว่างบริษัท เซเลส (ประเทศไทย) จำกัด กับบริษัท เมดิท็อกซ์ จากประเทศเกาหลี ประกอบธุรกิจประเภทการนำเข้าและจำหน่ายสินค้าทางเภสัชกรรมและเครื่องมือแพทย์ โดยมีสินค้าคือ นิวรามิส (Neuramis) ซึ่งเป็นเครื่องมือแพทย์ประเภท ๔ หรือเรียกกันว่า ฟิลเลอร์ (Filler) ที่มีคุณภาพ ได้รับมาตรฐานและเลขทะเบียนจากองค์การอาหารและยา ประเทศไทย และประเทศต้นกำเนิดคือประเทศเกาหลี ในส่วนของเมดิทอกซ์เป็นผู้นำตลาดยาโบทอกซ์เกาหลี ที่รู้จักกันมานาน ในชื่อยา นิวโรนอกซ์ (Neuronox) ปัจจุปัน เมดิทอกซ์ได้พัฒนาโบทอกซ์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองตลาดที่ต้องการยาที่ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้”เมดิเซเลส” ได้จัดกิจกรรมคืนกำไรสู่สังคม ด้วยโครงการการกุศลกับหน่วยแพทย์ที่ห่างไกลและขาดอุปกรณ์ เชิง CSR ด้วยความตั้งใจช่วยให้ผู้ป่วยเด็กสมองพิการ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น เช่น วิ่งเล่นกับเพื่อนได้ เป็นต้น โดยการบริจาคยาให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบประสาท เวชศาสตร์ฟื้นฟูสำหรับการให้การรักษาเด็กสมองพิการ ผ่านองค์กรการกุศลหรือสถาบันการแพทย์ ด้านเด็กสมองพิการ เช่น รพ. ศรีสังวาลย์ สถาบันราชนครินทร์ รพ. นครพิงค์ เชียงใหม่ เป็นต้น
ข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์ที่ใช้ในการผลิต
โบท็อกซ์เกาหลีที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทยและมีการนำเข้าอย่างถูกกฎหมายมีให้เลือกหลายยี่ห้อ แต่ถึงจะเป็นโบท็อกซ์จากเกาหลีเหมือนกัน สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยหรือปรับรูปหน้าได้เช่นเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีข้อแตกต่างที่อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพการรักษาต่างกัน ซึ่งตัวแปรสำคัญอยู่ที่ ‘สายพันธุ์’ ที่ใช้ในการผลิต ซึ่งในแวดวงความงามต่างรู้ดีว่า ‘สายพันธุ์ออริจินัล’ หรือ Hall A-hyper เป็นสายพันธุ์ที่สามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคได้หลากหลายและมีประสิทธิภาพที่สุด ย้อนกลับไปในปี 1988 ‘Allergan’ บริษัทยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาได้ซื้อลิขสิทธิ์งานวิจัยจาก Dr.Alan Brown Scott ซึ่งได้วิจัยทดลอง Botulinum Toxin ชนิด Hall A-hyper ปีถัดมาบริษัท Allergan จึงจดทะเบียนและจัดจำหน่ายโดยใช้ชื่อใหม่ให้เข้าใจง่ายว่า ‘Botox’
ปี 2000 Hyun Ho Jung, Ph.D. ผู้ก่อตั้งบริษัท เมดิท็อกซ์ (Medytox) ประเทศเกาหลีใต้ ได้รับเชื้อ Botulinum Toxin Type A จาก Kyu Hwan Yang, Ph.D. ศาสตราจารย์ประจำวิทยาลัยแห่งชาติ KAIST และศาสตราจารย์อาคันตุกะที่ University of Wisconsin-Madison จึงนำไปคิดค้นและพัฒนาต่อจนกลายเป็น ‘Meditoxin’ แบรนด์โบท็อกซ์เกาหลียี่ห้อแรกของโลก หรือที่ในประเทศไทยรู้จักกันในชื่อ ‘Neuronox’
‘Neuronox’ จดทะเบียนและได้รับอนุมัติจาก อย. ประเทศไทยในปี 2008 โดยบริษัท เซเลส (ประเทศไทย) จำกัด ในขณะนั้น ถือเป็นโบท็อกซ์เกาหลีแบรนด์แรกในประเทศไทย ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เมดิเซเลส จำกัด หลังจากทำ Joint Venture ร่วมกัน และเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว
More Stories
ยาดมตราโป๊ยเซียน เปลี่ยนพลาสติกเป็นถนน UPCYCLING ลดปัญหาพลาสติกสะสมในประเทศ เพื่อประโยชน์อย่างยั่งยืนของคนไทย
หลังคาไวนิลท้องเรียบ กันความร้อนได้ไหม
เอสซีจี คว้า 5 รางวัลงาน TMA Excellence Awards 2024 โดดเด่นด้านผู้นำ พัฒนาคนธุรกิจเติบโตยั่งยืนด้วยนวัตกรรมกรีน ปรับองค์กรคล่องตัวยิ่งขึ้นรับทุกความท้าทายโลก