November 25, 2024

www.thainewsbiz.com

ครบธุรกิจ บันเทิง ท่องเที่ยว แลไลฟ์สไตล์

เมดิเซเลส แจงปม Neuronox พร้อมกลับสู่ตลาด ประกาศชัด! ทวงคืนบัลลังก์ ‘แบรนด์โบท็อกซ์เกาหลีอันดับ 1 ในเมืองไทย’

“เมดิเซเลส” แจงปมความซับซ้อนคดีความฟ้องร้องระหว่างเมดิท็อกซ์และแดวูง จากกรณีการยักยอกความลับทางการค้าของบริษัทฯ ประกาศพร้อมกลับสู่ตลาด เพื่อทวงคืนตำแหน่ง ‘แบรนด์โบท็อกซ์เกาหลีอันดับ 1 ในเมืองไทย’

กรุงเทพมหานคร, สิงหาคม 2566 – “บริษัท เมดิเซเลส จำกัด” เป็นกิจการร่วมทุนระหว่างบริษัท เซเลส (ประเทศไทย) จำกัด และ เมดิท็อกซ์ อิงค์ ผู้ผลิตยาโบทูไลนุ่ม ท็อกซิน มาตรฐานสูงอันดับหนึ่งจากประเทศเกาหลี อีกทั้งยังเป็นผู้นำเข้าและเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายที่ถูกต้องแต่เพียงผู้เดียวของบริษัท เมดิเซเลส จำกัด จัดงาน MEDYCELES 360 – The Ultimate ONE-STOP TRAINING for Comprehensive Aesthetics Procedures ณ โรงแรม สยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ

นายสุรวุฒิ วูวงศ์ ผู้บริหารสูงสุด บริษัท เมดิเซเลส จำกัด ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดเผยถึงเหตุผลที่ “Neuronox” โบท็อกซ์อันดับหนึ่งหายไปจากตลาดในเมืองไทยนานเกือบ 3 ปี เนื่องจาก การโจมตีทางการค้าเมื่อปี 2012 ว่า Neuronox ได้เปลี่ยนสารตั้งต้นโดยไม่ได้แจ้งให้องค์การอาหารและยาทราบก่อน แต่หลังจากพิจารณายื่นเอกสารทั้งหมดศาลแขวงประเทศเกาหลีได้ยกคำฟ้องทั้งหมด ทำให้ Neuronox กลีบมาอีกครั้งหลังจากหายไปนานถึง 3 ปี

ขณะเดียวกันในปี 2017 บริษัท เมดิท็อกซ์ ผู้ผลิตสินค้าโบทอกซ์ยี่ห้อ Neuronox ได้มีการฟ้องร้องคดีไปที่ศาลแขวงของเกาหลีใต้และคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ USITC ว่า บริษัท แดวูง ได้มีการส่งนักวิจัยเข้าไปขโมยสายพันธุ์ Hall A Hyper ถึงห้องทดลองยา

“ในที่สุด “เมดิท็อกซ์” เป็นผู้ชนะคดี โดยศาลแขวงกลางของกรุงโซลได้สั่งให้ ”แดวูง” เปลี่ยนสายพันธุ์โบท็อกซ์ และทิ้งผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์ทั้งแบบสำเร็จรูป และกึ่งสำเร็จรูปทั้งหมดที่ผลิตจากสายพันธุ์นี้ พร้อมทั้งจ่ายค่าชดเชยความเสียหายให้กับเมดิท็อกซ์มูลค่า 4 หมื่นล้านวอน หรือราว 1 พันล้านบาท จากการละเมิดความลับทางการค้าของคู่แข่ง ขณะเดียวกันในเดือนธันวาคมปี 2020 คณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USITC) ยังสั่งห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์ของ”แดวูง” เป็นเวลา 21 เดือนไปยังสหรัฐอเมริกา”


ในช่วงระหว่างเกิดคดีความ บริษัทคู่แข่งได้แจ้งข้อกล่าวหาไปทาง อย. เกาหลีว่า ”เมดิท็อกซ์” ได้เปลี่ยนแปลงสารสำคัญในยาเมื่อปี 2008 ทางอย. ประเทศไทย มีความเห็นว่าเป็นความผิดขั้นรุนแรง เพราะการเปลี่ยนแปลงสารสำคัญที่ใช้ในการผลิตต้องแจ้งก่อน ในปี 2020 ทาง อย. จึงออกจดหมายมาที่บริษัท 3 ฉบับ ฉบับแรก ห้ามนำเข้าและจัดจำหน่าย ฉบับที่สอง ขอตัวอย่างไปวิเคราะห์ และ ฉบับสุดท้ายคือให้เรียกคืนสินค้าทั้งหมด โดยภายหลังจากที่ อย. เกาหลีได้ยกฟ้องข้อกล่าวหาทั้งหมดหลังจากใช้เวลา 6 เดือนในการตรวจสอบ” และเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2023 อย. ประเทศไทยได้คืนใบอนุญาตการนำเข้า Neuronox และอนุญาตให้บริษัท เมดิเซเลส นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าได้ตามปกติ ซึ่งขั้นตอนที่ทำให้ Neuronox กลับเข้าสู่ตลาดในเมืองไทยล่าช้าอยู่ที่การขึ้นทะเบียนใหม่ เนื่องจากทางบริษัทฯดำเนินการตามขั้นตอน


“ เราไม่นำเข้าสินค้าและส่งตัวอย่างไปวิเคราะห์ รวมถึงเรียกคืนสินค้าทันทีกว่า 700 ราย มูลค่าสินค้ากว่า 110 ล้านบาท และเผาทำลายสต็อกสินค้าทั้งหมดมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท สำเร็จภายใน 30 วันทำการ ยิ่งไปกว่านั้น จะมีการบรรจุ Neuronox เข้าสู่วาระการประชุมคณะกรรมการยา หากถูกยกเลิกทะเบียนจะไม่สามารถใช้ชื่อการค้าที่สร้างมาตั้งแต่ปี 2008 ได้ จึงตัดสินใจคืนใบอนุญาตและขึ้นทะเบียนยาใหม่ โดยสามารถใช้เอกสารเดิม 100% ขั้นตอนที่ว่านี้กินเวลาไปกว่า 18 เดือน”

นายสุรวุฒิ วูวงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เมดิเซเลส” มีความพร้อมทวงคืนตำแหน่ง ผู้นำตลาด ‘แบรนด์โบท็อกซ์เกาหลีอันดับ 1 ในเมืองไทย’ ด้วยสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานด้วยสายพันธุ์ออริจินอลเทียบเท่ากับแบรนด์ต้นตำรับแต่มีราคาที่คุ้มค่ากว่าหลายเท่า และบริษัทมีแผนจะต่อยอดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญและงานวิจัยของทีม เพื่อตอบสนองตลาดที่ต้องการยาที่มีนวัตกรรมดียิ่งขึ้น เนื่องจากแนวโน้มอุตสาหกรรมความงามด้วยแพทย์ ถือเป็นอุตสาหกรรมที่ยังไปได้ดี เป็นตลาดขนาดใหญ่ มีการแข่งขันสูง เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ล้วนให้ความสนใจเรื่องการปรับรูปหน้าซึ่งเป็นปัจจัยบวกให้กับยอดขายของบริษัท จึงมีโอกาสอีกมากที่ธุรกิจจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 50% ต่อปี

สำหรับกลยุทธ์เพื่อชิงส่วนแบ่งทางการตลาด “เมดิเซเลส” ให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ให้กับแพทย์ ด้วยการจัดอบรม การให้ความรู้เชิงปฏิบัติ เปิดเวทีสัมมนา การจัดเวิร์กชอปพัฒนาองค์ความรู้และทักษะการใช้ผลิตภัณฑ์แบบไร้ผลข้างเคียง เพื่อผู้บริโภคและตลาดเกิดความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ การสร้างการรับรู้ในตราสินค้า ผ่านช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์ การโฟกัสฐานลูกค้าเดิม เนื่องจากคุ้นเคยกับตัวสินค้าเป็นอย่างดี และสร้างฐานลูกค้าใหม่ ด้วยการใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้น และให้ความรู้คนไข้ในการตรวจสอบยาจริงยาปลอมเพื่อให้คนไข้มีความรู้ในการใช้สินค้ามากขึ้น ถือเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ ตอกย้ำผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ยาความงามจากเกาหลีตัวจริง

โดยบริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตถึง 50 % โดยมียอดขาย 600 ล้านบาทในปีนี้ สำหรับในปี 2022 รายได้อยู่ที่ 400 ล้านบาท เนื่องจากอยู่ในช่วง “Neuronox” ที่มีส่วนแบ่งทางการ 40 % หายไปจากตลาด ส่วนผลิตภัณฑ์ “ฟิลเลอร์นิวรามิส” ที่เป็นผลิตภัณฑ์รองของบริษัท ซึ่งในช่วงที่สินค้า Neuronox หายไปถึง 3 ปี บริษัทได้ผลักดันฟิลเลอร์นิวรามิสขึ้นมาเป็นแบรนด์ฟิลเลอร์เกาหลียอดขายอันดับ 1 ในเวลาเพียง 3 ปี โดยอัตราการเติบโตธุรกิจเฉพาะส่วนของฟิลเลอร์นิวรามิสในประเทศไทย ปี 2021 เปรียบเทียบปี 2020 อยู่ที่ 30% สำหรับในปี 2022 นี้ มีการเติบโตเป็นอัตรา 60% และคาดว่าปี 2023 จะมีการเติบโตเป็นอัตรา 20%

นอกจากนี้ “เมดิเซเลส”ยังมีการนำเสนองานวิจัยทางการแพทย์ที่ทำในประเทศไทย โดยทำวิจัยเกี่ยวกับ “Neuronox” ทั้งด้านความงามและที่เกี่ยวข้องกับโรคคอบิดและโรคกล้ามเนื้อกระตุก เพราะต้องการผลักดันให้นำสารตัวนี้เข้าไปใช้ในบัญชียาหลัก เพื่อตอบจุดมุ่งหมายที่ต้องการนำสารนี้เข้ามาเพื่อรักษาโรคดังกล่าว

ล่าสุดบริษัท เมดิเซเลส จำกัด ได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัท ศิริราชวิทยวิจัย จำกัด ในงานวิจัย การใช้นิวรามิสเพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีริ้วรอยบริเวณริมฝีปากและรอบปาก เพื่อศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยเพื่อให้แพทย์ผู้ทำหัตถการมีความมั่นใจในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์นิวรามิสสำหรับริมฝีปากในคนไทย เนื่องจากได้เห็นความสำคัญของการมีตัวเลือกผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพและราคาที่จับต้องได้ภายในประเทศไทย ซึ่งเป็นหลักมั่นที่ทางบริษัทฯ ยึดถือมาโดยตลอดคือต้องการให้คนไทยเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยใช้ในการการปรับรูปหน้า เสริมเติมร่องลึกของใบหน้าที่เกิดจากวัย แต่เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาการใช้ฟิลเลอร์ในการรักษาริ้วรอยบริเวณริมฝีปากและรอบปากในประเทศไทย จึงเป็นที่มาของงานวิจัยร่วมกับศิริราชวิทยวิจัยในครั้งนี้ ในหัวข้อ “A Single-center, Randomnized, Evaluator-blinded, Active-controlled, Study to evaluate the effectiveness and Safety of Neuramis®deep for correcting in Patients with lip and perioral wrinkles.” เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดให้แก่คนไข้ทุกคน

และเนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมา มีการนำเข้าสินค้าอย่างผิดกฎหมาย การละเมิดเครื่องหมายการค้า และการปลอมแปลงผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ตัวยา จึงควรสังเกตจุดวิธีตรวจสอบดังนี้

• ใบ Certificate ที่บริษัทฯ มอบให้คลินิกที่ผ่านการอบรมเพื่อ ยืนยันว่าคลินิกหรือสถานพยาบาลนั้น ได้ซื้อสินค้าจากเมดิเซเลส ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้า Neuramis ฟิลเลอร์อย่างถูกต้องตามกฎหมายแต่เพียงผู้เดียวในประทศไทย

• สแกน QR code บนกล่องบรรจุภัณฑ์ ซึ่งภายในจะแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์ทั้งรุ่นผลิต วันเดือนปีที่หมดอายุ และข้อความยืนยันว่าคลินิกหรือแพทย์ท่านนั้นได้ซื้อผ่าน เมดิเซเลส ที่เป็นผู้ได้รับอนุญาตนำเข้าและจัดหน่ายอย่างถูกต้องในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

• Security sticker บนกล่องบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้รับบริการว่าเป็นสินค้าใหม่ ยังไม่ผ่านการเปิดใช้ และยังป้องกันการปลอมแปลงสินค้าโดยใช้กล่องเดิม

• บรรจุภัณฑ์ ต้องมีฉลากกำกับเครื่องมือแพทย์ภาษาไทย และเลขทะเบียนเครื่องมือแพทย์ ตามที่ อย.กำหนดไว้

ทั้งนี้ บริษัท เมดิเซเลส ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนข้ามชาติระหว่างบริษัท เซเลส (ประเทศไทย) จำกัด กับบริษัท เมดิท็อกซ์ จากประเทศเกาหลี ประกอบธุรกิจประเภทการนำเข้าและจำหน่ายสินค้าทางเภสัชกรรมและเครื่องมือแพทย์ โดยมีสินค้าคือ นิวรามิส (Neuramis) ซึ่งเป็นเครื่องมือแพทย์ประเภท ๔ หรือเรียกกันว่า ฟิลเลอร์ (Filler) ที่มีคุณภาพ ได้รับมาตรฐานและเลขทะเบียนจากองค์การอาหารและยา ประเทศไทย และประเทศต้นกำเนิดคือประเทศเกาหลี ในส่วนของเมดิทอกซ์เป็นผู้นำตลาดยาโบทอกซ์เกาหลี ที่รู้จักกันมานาน ในชื่อยา นิวโรนอกซ์ (Neuronox) ปัจจุปัน เมดิทอกซ์ได้พัฒนาโบทอกซ์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองตลาดที่ต้องการยาที่ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้”เมดิเซเลส” ได้จัดกิจกรรมคืนกำไรสู่สังคม ด้วยโครงการการกุศลกับหน่วยแพทย์ที่ห่างไกลและขาดอุปกรณ์ เชิง CSR ด้วยความตั้งใจช่วยให้ผู้ป่วยเด็กสมองพิการ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น เช่น วิ่งเล่นกับเพื่อนได้ เป็นต้น โดยการบริจาคยาให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบประสาท เวชศาสตร์ฟื้นฟูสำหรับการให้การรักษาเด็กสมองพิการ ผ่านองค์กรการกุศลหรือสถาบันการแพทย์ ด้านเด็กสมองพิการ เช่น รพ. ศรีสังวาลย์ สถาบันราชนครินทร์ รพ. นครพิงค์ เชียงใหม่ เป็นต้น

ข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์ที่ใช้ในการผลิต
โบท็อกซ์เกาหลีที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทยและมีการนำเข้าอย่างถูกกฎหมายมีให้เลือกหลายยี่ห้อ แต่ถึงจะเป็นโบท็อกซ์จากเกาหลีเหมือนกัน สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยหรือปรับรูปหน้าได้เช่นเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีข้อแตกต่างที่อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพการรักษาต่างกัน ซึ่งตัวแปรสำคัญอยู่ที่ ‘สายพันธุ์’ ที่ใช้ในการผลิต ซึ่งในแวดวงความงามต่างรู้ดีว่า ‘สายพันธุ์ออริจินัล’ หรือ Hall A-hyper เป็นสายพันธุ์ที่สามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคได้หลากหลายและมีประสิทธิภาพที่สุด ย้อนกลับไปในปี 1988 ‘Allergan’ บริษัทยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาได้ซื้อลิขสิทธิ์งานวิจัยจาก Dr.Alan Brown Scott ซึ่งได้วิจัยทดลอง Botulinum Toxin ชนิด Hall A-hyper ปีถัดมาบริษัท Allergan จึงจดทะเบียนและจัดจำหน่ายโดยใช้ชื่อใหม่ให้เข้าใจง่ายว่า ‘Botox’

ปี 2000 Hyun Ho Jung, Ph.D. ผู้ก่อตั้งบริษัท เมดิท็อกซ์ (Medytox) ประเทศเกาหลีใต้ ได้รับเชื้อ Botulinum Toxin Type A จาก Kyu Hwan Yang, Ph.D. ศาสตราจารย์ประจำวิทยาลัยแห่งชาติ KAIST และศาสตราจารย์อาคันตุกะที่ University of Wisconsin-Madison จึงนำไปคิดค้นและพัฒนาต่อจนกลายเป็น ‘Meditoxin’ แบรนด์โบท็อกซ์เกาหลียี่ห้อแรกของโลก หรือที่ในประเทศไทยรู้จักกันในชื่อ ‘Neuronox’

‘Neuronox’ จดทะเบียนและได้รับอนุมัติจาก อย. ประเทศไทยในปี 2008 โดยบริษัท เซเลส (ประเทศไทย) จำกัด ในขณะนั้น ถือเป็นโบท็อกซ์เกาหลีแบรนด์แรกในประเทศไทย ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เมดิเซเลส จำกัด หลังจากทำ Joint Venture ร่วมกัน และเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว