สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ร่วมกับ 15 ภาคีเครือข่ายพันธมิตร ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ “Creative Business Transformation” ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยผ่านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ตอกย้ำจุดยืนสร้างโอกาส ผลักดัน Soft Power ส่งเสริมสุดยอดการสร้างมูลค่าเพิ่มและปรับทิศทางอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในอนาคต

ดร.ชาคริต พิชญางกูร ผู้อํานวยการสํานักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) กล่าวว่า “ตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมานั้น เศรษฐกิจสร้างสรรค์มีความสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในการนำมาใช้เป็นกลไกผลักดันการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจบนพื้นฐานของการสร้างและใช้องค์ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และทรัพย์สินทางปัญญาที่เชื่อมโยงกับพื้นฐานทางวัฒนธรรม การสั่งสมความรู้ของสังคม เทคโนโลยี และนวัตกรรม ในการผลิตสินค้าและบริการใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ โดยในช่วงปี 2563 – 2564 จากประมาณการขององค์การยูเนสโก ในปี 2563 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ทั่วโลกมีมูลค่าลดลงกว่า 24.8 ล้านล้านบาท ส่วนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทย 15 สาขา มีมูลค่าลดลงร้อยละ 23 อยู่ที่ 1.19 ล้านล้านบาท

ในฐานะหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ CEA ได้ดําเนินมาตรการพัฒนาศักยภาพของกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจสร้างสรรค์และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ให้สามารถแข่งขันได้ระดับสากล และก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งในแง่ของระบบเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต ซึ่งในการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์นั้นมีด้วยกันหลายรูปแบบ การจัดพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ “Creative Business Transformation” โดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ร่วมกับภาคีเครือข่ายพันธมิตร 15 หน่วยงานครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทย
สำหรับพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ “Creative Business Transformation” ในครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ โดยมีด้วยกัน 4 มิติหลัก อันได้แก่
- ความร่วมมือด้านเครือข่ายธุรกิจชุมชน องค์ความรู้การจัดการธุรกิจ และการขายและการตลาด ที่จะร่วมกันศึกษาและส่งเสริมความต้องการทางการตลาดในระดับประเทศและต่างประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจาก วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU), กรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวงมหาดไทย และ บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด
- ความร่วมมือด้านองค์ความรู้และเทคโนโลยี ที่จะนำการปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์อนาคตธุรกิจและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยได้รับความร่วมมือจาก สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
- ความร่วมมือด้านการเข้าถึงแหล่งทุน เป็นการร่วมกันกำหนดแนวทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุนต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์โดยได้รับความร่วมมือจาก ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank), สินวัฒนา คราวด์ฟันดิง, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA)
- ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมคอนเทนต์ เป็นการร่วมกันกำหนด แนวทางการสนับสนุนคอนเทนต์ไทยสู่ตลาดสากล โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัท เน็ตฟลิกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ลิขสิทธิ์ดนตรี (ประเทศไทย) จำกัด, สมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจบันเทิงไทย, สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ, สมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์, สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย

“ในการจับมือร่วมกันครั้งนี้ ทาง CEA รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ โดยผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า การได้หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญมาผลักดันและร่วมกันจัดทำนโยบายเพื่อยกระดับผู้ประกอบธุรกิจ และนักสร้างสรรค์ให้มีศักยภาพจะสามารถเกิดขึ้นได้จริงเป็นรูปธรรม มีความยั่งยืน สามารถสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้เข้มแข็ง สร้างอาชีพ สร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากพื้นที่ หรือชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือด้านความรู้

การบริหารจัดการธุรกิจการตลาด การออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทางด้านการผลิตและการตลาดออนไลน์ ตลอดจนเชื่อมโยงสินค้าจากชุมชนไปสู่ตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนสร้าง Soft Power เพื่อใช้ส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีนานาชาติ เพื่อดึงดูดการท่องเที่ยวและส่งเสริมการส่งออก” ดร.ชาคริต กล่าวเสริม

นอกจากนี้ ยังมีการจัดเสวนาภายใต้หัวข้อ “Creative Economy Foresight & Transformation” อนาคตเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทย โดยตัวแทนวิทยากรจากหน่วยงานและเครือข่ายองค์กรพันธมิตร
เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มุมมอง ของหน่วยงานต่าง ๆ เกี่ยวกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งจะร่วมกันศึกษานโยบายและความร่วมมือหลากหลายด้าน ทั้งด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อให้ธุรกิจสร้างสรรค์ปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและดิจิทัลอย่างฉับพลัน การขยายองค์ความรู้การจัดการธุรกิจสร้างสรรค์ แนวทางการลงทุนทางธุรกิจอย่างยั่งยืน การเข้าถึงแหล่งเงินทุนการส่งเสริมหรือสร้างแพลตฟอร์มสินค้าและบริการสร้างสรรค์ รวมถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมคอนเทนต์ไทย เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์สามารถกำหนดนโยบายและแนวโน้มของโครงการต่าง ๆ อันจะนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของไทยได้” ดร.ชาคริต กล่าวเพิ่มเติม

จากการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน จึงเป็นก้าวสําคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของประเทศไทยให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและให้สอดคล้องกับยุุทธศาสตร์ชาติ โดยใช้องค์ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม
เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนศักยภาพและพัฒนาประเทศในทุุกมิติ และส่งผลให้เกิดการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยต่อไปในอนาคต ให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก
More Stories
ซูเปอร์สปอร์ตคว้ารางวัลความยั่งยืนระดับเอเชีย ESGBusiness Awards 2025 นำร่องด้วยโครงการ “Supersports Moves the Change in Society, Re-Balance the World”
ไทยเจียระไน กรุ๊ปฯ จัดงาน “Thailand Headlines Person of the Year Awards 2025” ยิ่งใหญ่ ฉลอง 50 ปีสัมพันธ์ไทย–จีน ตอกย้ำพลัง Soft Power ไทยสู่ระดับโลก
จังหวัดน่าน โดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดน่าน จัดงาน “NAN AGRO INDUSTRY INNOVATION FAIR 2025” ยกของดีจังหวัดน่านสู่ศรีราชา