April 25, 2024

www.thainewsbiz.com

ครบธุรกิจ บันเทิง ท่องเที่ยว แลไลฟ์สไตล์

ทิพย์โอชา By KOS’ HOTEL อาหารคุณภาพโรงแรม ในราคาที่ทานได้ทุกวัน…

สำหรับนักชิมแล้ว ร้านไหนอร่อย ไม่ว่าไกลแค่ไหน ก็ต้องขอไปลองชิมสักครั้ง วันนี้แอดเลยเดินทางไกลถึงถนนร่มเกล้า เพื่อมาท้าพิสูจน์ความอร่อยระดับโรงแรม ในราคาที่จับต้องได้ ของห้องอาหาร “ทิพย์โอชา” ซึ่งตั้งอยู่ภายใน KOS’ Hotel โรงแรมน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมานี่เอง
หลายคนอาจจะคุ้นชื่อห้องอาหาร “ทิพย์โอชา” มาบ้าง เพราะเคยเป็นร้านอาหารเก่าแก่ของครอบครัวมาก่อน เมื่อ คุณบอส-ภคินัย โกศัยพลกุล MD หนุ่มวัย 26 ปี กลับมารีโนเวทอาพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ให้เป็นโรงแรม KOS’ จึงนำชื่อ “ทิพย์โอชา” กลับมาทำร้านอาหารอีกครั้งหนึ่ง

ทิพย์โอชาเป็นห้องอาหารน้องใหม่ที่เพิ่งซอฟต์โอเพ่นนิ่งไปเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี่เองค่ะ ร้านนี้เป็นความตั้งใจของคุณบอสที่อยากจะให้คนในละแวกนี้ได้ทานอาหารคุณภาพดี ในราคาที่จับต้องได้ทุกวัน เหมาะกับเศรษฐกิจยุคโควิด-19 ซึ่งวันนี้แอดได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก คุณบอส MD และคุณเลอศักดิ์ พันธุ์อุทัย GM ที่มีประสบการณ์ด้านโรงแรมมายาวนาน…
คุณบอสบอกว่าครัวที่นี่เป็นครัว “ฮาลาล” เพราะย่านนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม เมนูหลักคือ เนื้อวัว เนื้อไก่ และซีฟู้ด ใครชอบทานเนื้อวัวบอกเลยว่าต้องมาที่นี่ เพราะเขาคัดสรรเนื้อเกรดพรีเมียมจากออสเตรเลีย ในราคาสุดคุ้ม อาหารที่นี่เป็นสไตล์ฟิวชั่น ซึ่งครีเอทโดยฝีมือเชฟต้อง-ธีรพนธ์ เพชรสุริยา ซึ่งนอกจากรสชาติจะเด็ดดวงแล้ว หน้าตายังดูดีไม่แพ้โรงแรมหรูเลยทีเดียว

“เราอยากให้มีอาหารคุณภาพดีๆ ในละแวกนี้ แถวนี้หาของกินทานยาก เราเปิดร้านอาหารมา ก็คิดว่าทำยังไงให้คนเข้าถึงได้ด้วย แต่ก็อยากมีคุณภาพอาหารที่ดีด้วย เป็นคอนเซ็ปต์ของร้านเลย อาหารคุณภาพโรงแรมในราคาที่ทานได้ทุกวัน เราพยายามทำให้ราคาจับต้องได้จริงๆ” คุณบอสเชิญชวน
เดินทางมาเหนื่อยๆ ขอสั่งเครื่องดื่มให้ชื่นใจก่อนเลย ซึ่งมีให้เลือกทั้ง Frappe & Juice ราคาเริ่มต้น 65-75 บาท อาทิ Peach Delight Frappe, Blackberry Frappe, Lemonade Refresh Frappe, Mixed berry Paradise Smoothie หรือจะเติมความซ่าด้วย Italian Soda ราคาเพียง 55 บาทเท่านั้น

มาเริ่มกันที่ Appetizer กันก่อนเลย เมนูแนะนำ คือ “เนื้อทาจิมะวากิวย่าง” ราคา 119 บาท เป็นเมนูทานเล่นที่หลายคนติดอกติดใจในความหอมของเนื้อย่างติดมันนิดๆ ที่เชฟนำเนื้อเกรดพรีเมียมไปหมักกับสมุนไพร ย่างให้หอมกรุ่น เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มแจ่วรสแซ่บ!
อีกหนึ่งเมนูที่ห้ามพลาดคือ “ปีกไก่ทอดทิพย์โอชา” ราคา 99 บาท ทีเด็ดอยู่ที่น้ำซอส ซึ่งเชฟปรับจากสูตรต้นตำรับสไตล์เม็กซิกัน ให้ถูกปากคนไทย เป็นเมนูทานเล่นที่อยากให้คนไทยได้ลองทานกันดู นอกจากนี้ยังมี ไก่สะเต๊ะ, ซาโมซ่าผัก, นักเก็ตไก่, มันยิ้ม ราคา 59-79 บาท

เมนู Salad มีให้เลือก 2 แบบค่ะ คือ “ซีซาร์สลัดเนื้อทอด” (Beef Bits Caesar Salad) ราคา 99 บาท จานนี้เด่นตรงที่เชฟใช้เนื้อทอดแทนเบคอน ให้รสชาติที่เข้มข้นและหอมอร่อยยิ่งขึ้น
ใครชอบรสชาติสไปซี่ แนะนำ “สลัดกุ้งครีมซีฟู้ด” (Garden House Salad) ราคา 119 บาท เด็ดที่น้ำสลัดสูตรพิเศษ ผสมน้ำจิ้มซีฟู้ด ทานคู่กับกุ้งขาวให้ความสดชื่น เพิ่มความกรุบกรอบด้วยผักบัตเตอร์เฮด ทำให้จานนี้แตกต่างจากสลัดทั่วไป

อีกหนึ่งเมนูประทับใจ คือ ‘ซุป’ ที่บอกเลยว่าหรูเลิศไม่แพ้โรงแรมห้าดาว ในราคาที่สวนทางกับคุณภาพ มี 3 แบบให้เลือก คือ ซุปครีมข้าวโพดหวาน (Sweet Corn Cream Cheese Soup) ราคา 59 บาท เป็นเมนูที่เชฟครีเอทให้ทานง่าย เนื้อครีมเข้มข้นด้วยครีมชีส เสิร์ฟพร้อมขนมปัง และ ซุปครีมเห็ด Mushroom Cream ราคา 59 บาท รสชาติเบาๆ เสิร์ฟพร้อมขนมปังกระเทียม ใครชอบล็อบเตอร์แนะนำ ซุปข้นกุ้ง (Lobster Bisque) ราคา 119 บาท ที่เชฟตั้งใจเคี่ยวจนได้รสชาติเข้มข้น หอมมันกุ้ง เสิร์ฟพร้อมกุ้งขาวย่าง เพิ่มความหอมและได้รสชาติของเนื้อกุ้ง
มาถึงจานหลักของทิพย์โอชากันบ้าง เมนูแนะนำคือ เบอร์เกอร์เนื้อวากิวทาจิมะซอสทรัฟเฟิล ราคา 169 บาท เชฟต้องเล่าว่า “ถ้าพูดถึงวากิวมันจะดูว่าเข้าถึงยาก ราคาแพง แต่เราได้เนื้อคุณภาพดีในราคาที่ไม่แพง ทำให้เราสามารถทำขึ้นมาขายได้ เราก็เลยอยากทำเบอร์เกอร์วากิวขึ้นมา อยากให้คนไทยละแวกนี้ได้ทานเบอร์เกอร์เนื้อดีๆ ราคาจับต้องได้” ตัวเบอร์เกอร์ใช้เนื้อ 70% มันเนื้อ 30% เบรนเข้าด้วยกัน เพื่อให้มันมีความฉ่ำ นำไปนวดกับซอสทรัฟเฟิล ประมาณ 10 นาที เพื่อให้เนื้อนุ่มขึ้น ผสมหอมใหญ่และเห็ดทรัฟเฟิลผัด นำไปทอดด้วยน้ำมันวัว เพิ่มความหอมด้วยซอสเห็ดทรัฟเฟิล เวลาทานจะได้เท็กเจอร์ของเห็ดกรุบๆ และเนื้อนุ่มๆ ฟินมาก

ส่วนใครไม่ทานเนื้อวัว แนะนำเป็น สเต๊กปลากะพงทอด (Fish & Chips) ราคา 119 บาท เป็นเมนูทานเล่นยอดนิยมของผู้ดีอังกฤษ โดยเชฟเลือกใช้ปลากะพงชุบแป้งทอดเหลืองกรอบ ทานคู่กับซอสทาทาร์ที่เชฟปรุงสดใหม่ทุกวัน เสิร์ฟพร้อมกับถั่วลันเตาและมันฝรั่งทอด
มาถึงจานซิกเนเจอร์ของทิพย์โอชาที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอ คือ ‘ข้าวผัดกระเพรา’ เป็นเมนูที่ทำให้เราอดแปลกใจไม่ได้ เพราะเป็นเมนูพื้นๆ ที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน ทำง่าย ทานง่าย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนปัจจุบันที่เร่งรีบ เป็นแรงบันดาลใจให้เชฟหยิบเมนูนี้มาครีเอทเป็นสูตรเฉพาะของทิพย์โอชา
แนะนำ “กระเพราเนื้อทิพย์โอชา” ราคา 179 บาท เสิร์ฟมาในชามพอร์ซเลนสีขาว เป็นกระเพราที่หน้าตาไม่เหมือนกระเพราทั่วไป เพราะไม่ได้นำเนื้อลงไปผัดกับเครื่องกระเพรา แต่นำข้าวญี่ปุ่นไปผัดแทน โดยเชฟเลือกใช้ข้าวญี่ปุ่น เพราะจะให้รสชาติที่เข้มข้นกว่าข้าวไทย เสิร์ฟพร้อมเนื้อย่างชิ้นโต เป็นเนื้อนำเข้าเกรดพรีเมียม นำมาซูวีในอุณหภูมิ 52 องศา ประมาณ 30 นาที เพื่อให้เนื้อนุ่มที่สุด และย่างจนหอมกรุ่น เคล็ดลับคือเชฟเลือกใช้ใบกระเพราแดงที่ให้กลิ่นหอมและรสชาติเผ็ดร้อนกว่า
“กระเพราลิ้นวัวตุ๋นสูตรโบราณ” ราคา 179 บาท เป็นกระเพราฟิวชั่นที่นำลิ้นวัวมาตุ๋น 6 ชม.ขึ้นไป ทำให้เนื้อนุ่ม ไม่เหนียว แล้วนำไปผัดกับเครื่องกระเพราให้เข้าเนื้อ จะได้เท็กเจอร์ความนุ่มของลิ้นวัว และความกรุบกรอบของเห็ด เสิร์ฟกับข้าวญี่ปุ่นและไข่ดองโชยุ เพื่อตัดรสเผ็ด เคล็ดลับความอร่อย เชฟใช้น้ำมันวัว ช่วยชูกลิ่นเนื้อวัวให้หอมยิ่งขึ้น เชฟต้องบอกว่า “อยากเชิญชวนให้มาทานเมนูกระเพรา เพราะเราตั้งใจทำจริงๆ แล้วราคาของเราสามารถเข้าถึงได้ บริการระดับโรงแรม คุณภาพระดับโรงแรม แต่ราคาสามารถจับต้องได้”

มาถึงของหวานที่เป็นซิกเนเจอร์ของทิพย์โอชา คือ “บัวลอยทิพย์โอชา” ราคา 69 บาท ขนมไทยที่เชฟต้องภูมิใจนำเสนอ “ผมเลือกบัวลอยมาตกแต่งหน้าตาใหม่ ทำสไตล์ใหม่เพื่อเพิ่มแวลู ซึ่งผมมองว่าขนมไทยอร่อยหลายอย่างเลย แต่ว่าทำไมถึงขายราคาถูก ทั้งที่ต้นทุนก็ไม่ได้ถูก ผมอยากยกระดับขนมไทยขึ้นมาให้สู้กับขนมของต่างชาติได้ ก็เลยครีเอทเป็นตัวนี้ขึ้นมา”
ตัวแป้งบัวลอยนุ่มมาก คล้ายกับแป้งโมจิ คลุกเคล้ากับงาคั่วหอมๆ ซึ่งเชฟจะทำสด เมื่อลูกค้าสั่ง เพราะถ้าเย็นแป้งจะแข็ง เสิร์ฟคู่กับแยมมะพร้าว อัลมอนด์สไลซ์คั่ว และสปันจ์ใบเตย เวลาทานราดซอสมะพร้าวอ่อนสูตรเฉพาะของที่นี่ รสชาติหอมหวาน กลมกล่อมกำลังดี เป็นเมนูที่บอกเลยว่าไม่สั่งถือว่าพลาด
ช่วงนี้ทิพย์โอชามีโปรโมชั่นพิเศษมื้อกลางวัน ราคา 69 บาท สั่งก๋วยเตี๋ยวเนื้อวากิวตุ๋น, สปาเกตตี้ผัดขี้เมา หรือข้าวหน้าไก่เทอริยากิ แถมฟรี! อิตาเลียนโซดา 1 แก้ว และทานครบ 500 บาท รับบัตรกำนัล 100 บาท คุ้มแบบนี้มีที่ทิพย์โอชาเท่านั้นค่ะ
ทิพย์โอชา BY KOS HOTEL เลขที่ 82 ถ.ร่มเกล้า มีนบุรี กรุงเทพฯ เปิดบริการเวลา 11.30-14.00 น. และ 17.00-21.30 น. โทร. 02 009 4040