
วันที่ 9 กรกฎาคม 2564 เวลา 11.45 น.
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทัศน์ เงินหมื่น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นางสาวบุณย์ธิดา สมชัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.จังหวัดอุบลราชธานีเขต 2 นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ประธานกรรมการ บริหารกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตร และคณะ มอบเช็คชําระหนี้และมอบโฉนดที่ดินของกองทุนฟื้นฟู เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้แก่เกษตรกรจังหวัดอุบลราชธานี และประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการประกันรายได้ผู้ปลูกยางพารา มันสําปะหลัง ข้าว ณ โรงแรมสุนีย์แกรนด์ อําเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

นายจุรินทร์ กล่าวว่า นโยบายประกันรายได้เกษตรกรเป็นนโยบายสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นเงื่อนไขตัดสินใจก่อนเข้าร่วมรัฐบาล โครงการประกันรายได้เกษตรกร โดยมันสำปะหลังประกันรายได้กิโลกรัมละ 2.50 บาท ยางแผ่นดิบชั้น 3 กิโลกรัมละ 60 บาท ข้าวหอมเกวียนละ 15,000 บาท ปาล์มน้ำมันกิโลกรัมละ 4 บาท เมื่อไหร่ที่ราคาต่ำกว่ารายได้ที่ประกัน จะมีส่วนต่างโอนเข้าบัญชีพี่น้องเกษตรกรโดยตรง ทำให้มีรายได้ 2 ทาง จากราคาตลาดและเงินส่วนต่าง โดยได้ดำเนินการมา 2 ปีแล้ว ปีหน้าจะเป็นปีที่ 3 เฉพาะเงินส่วนต่างผู้ปลูกข้าวหอมมะลิได้เงินส่วนต่างปีที่ 2 บางครอบครัวได้สูงสุดถึง 42,830 บาท มันสำปะหลังได้สูงสุดถึงครัวเรือนละ 28,000 บาท ยางพาราได้สูงสุดถึงครัวเรือนถึง 13,400 บาท

สำหรับกองทุนฟื้นฟู นอกจากโครงการประกันรายได้ที่ได้ผลักดันในการเข้าร่วมรัฐบาล พวกตนได้เริ่มต้นจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเมื่อปี 2540 ในยุครัฐบาลชวน 2 (นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 ) และตนเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ริเริ่มจะออกพระราชบัญญัติจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร

กองทุนฟื้นฟูมีภารกิจ 2 เรื่อง 1.เมื่อเกษตรกรเป็นหนี้สถาบันการเงินหรือหนี้บุคคลค้ำถ้าชำระหนี้ไม่ได้ กองทุนฟื้นฟูสามารถเข้าไปช่วยเกษตรกรไม่ให้ถูกยึดที่ดินทำกิน โดยการซื้อหนี้จากสถาบันการเงิน มาเป็นหนี้ของกองทุนฟื้นฟูและมาผ่อนกับกองทุนฟื้นฟู โดยไม่ยึดที่ดินทำกิน เพื่อให้โอกาสทำกินในที่ดินต่อไปและมีเงินมาเลี้ยงชีพที่ดินจะไม่ตกเป็นของสถาบันการเงินซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญของกองทุนฟื้นฟู

2.หน้าที่ในการฟื้นฟูชีวิตของเกษตรกร โดยจัดเงินก้อนหนึ่งเข้าไปช่วยเหลือให้พี่น้องทำโครงการพัฒนาคุณภาพพืชผลทางการเกษตรหรือฟื้นฟูชีวิตของพี่น้องเกษตรกรต่อไป เพื่อให้ชีวิตพี่น้องดีขึ้นครบวงจร

ขณะนี้มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนไว้กับกองทุนฟื้นฟูถึง 5 ล้านคน และมาขึ้นทะเบียนเป็นหนี้ 490,000 คนหรือประมาณ 500,000 คน ตั้งแต่ที่ตนเป็นประธานมา 2 ปี ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปหลายเรื่องสำคัญ เช่น 1.จัดตั้งอนุกรรมการประจำจังหวัดครบทั้ง 76 จังหวัด 2.ได้แก้กฎหมายเพื่อเปิดโอกาสให้พี่น้องเกษตรกรรายย่อยที่เป็นหนี้บุคคลค้ำให้กองทุนไปซื้อนี่บุคคลค้ำจากเกษตรกรได้ อย่างน้อย 200,000 ราย 3.ดอกเบี้ย สำหรับเกษตรกรที่เป็นหนี้กองทุนจะคิดดอกเบี้ย 0% 4.อนุมัติงบจัดการหนี้ให้ไปซื้อหนี้แล้ว 1,328 ล้านบาท และงบฟื้นฟูให้อีก 430 ล้านบาท

โดยวันนี้มามอบงบฟื้นฟูจากที่พี่น้องเสนอมา 19 โครงการมีสมาชิก 273 คนเป็นงบประมาณ 11,624,000 บาท และมอบเช็คชำระหนี้แทนเกษตรกร 3 สหกรณ์จำนวน 30,790,000 บาท และเกษตรกร 30 รายได้ใช้หนี้หมดแล้ว จะมาคืนโฉนดให้และมอบเกียรติที่บัตรว่าท่านเป็นเกษตรกรตัวอย่างว่าเป็นหนี้กองทุนแล้วสามารถทำงานเก็บเงินและชำระหนี้กองทุนฟื้นฟูได้ตามกฎเกณฑ์กติกาทุกประการ กองทุนจะนำเงินนี้ไปช่วยเหลือเกษตรกรรายอื่นต่อไป

More Stories
ซูเปอร์สปอร์ตคว้ารางวัลความยั่งยืนระดับเอเชีย ESGBusiness Awards 2025 นำร่องด้วยโครงการ “Supersports Moves the Change in Society, Re-Balance the World”
ไทยเจียระไน กรุ๊ปฯ จัดงาน “Thailand Headlines Person of the Year Awards 2025” ยิ่งใหญ่ ฉลอง 50 ปีสัมพันธ์ไทย–จีน ตอกย้ำพลัง Soft Power ไทยสู่ระดับโลก
จังหวัดน่าน โดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดน่าน จัดงาน “NAN AGRO INDUSTRY INNOVATION FAIR 2025” ยกของดีจังหวัดน่านสู่ศรีราชา